ไม่อยากหน้าเหี่ยว ผิวย่นก่อนวัย ต้องหยุดทำสิ่งนี้!

“หน้าเหี่ยว” ได้ยินเมื่อไรก็เหมือนขวากหนามทิ่มแทงใจ และตอกย้ำเรื่องอายุจริงเลยเถิดไปถึงอายุผิว แม้อายุจะยังไม่ถึงเส้นตายที่ริ้วรอยหรือความเหี่ยวย่นถามหา แต่ปรากฏว่าผิวหน้าดันวิ่งเร็วกว่าอายุจริง สาวๆ ที่มีชั่วโมงบินสูงในการดูแลผิวหน้าคงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ แต่เชื่อว่ายังมีสาวๆ ไม่น้อยที่แม้จะดูแลเป็นอย่างดี พิถีพิถันมากกว่าถึงสิบเท่า แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นอย่างที่คิด ลองทบทวนดูสักนิดดีไหม? ว่าเป็นเพราะอะไรผิวหน้าถึงไม่ยอมให้ความร่วมมือ

เคยสงสัยกันบ้างไหมว่าทำไมผิวหน้าของเราถึงได้มีริ้วรอย เหี่ยวย่น ดูแก่ก่อนวัย ทั้งๆ ที่อายุยังไม่เข้าใกล้เลข 3 

หากไล่เรียงกันตามกฎธรรมชาติ เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายจะสร้างคอลลาเจนได้น้อยลงสวนทางกับจำนวนตัวเลขอายุที่มากขึ้น ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและยืดหยุ่นคงตัว ไขมันใต้ชั้นผิวลดน้อยลง ทำให้ผิวแห้ง โครงสร้างผิวหนังไม่มีตัวพยุง ผิวยุบตัวลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก ทำให้ผิวหน้าเหี่ยว หย่อนคล้อย เกิดเป็นริ้วรอยได้ง่าย

นอกจากปัจจัยทางธรรมชาติทำให้เราหน้าเกิดอาการเหี่ยว ผิวแก่ก่อนวัยได้แล้ว ก็ยังมีนิสัยและพฤติกรรมส่วนตัวของสาวๆ หลายข้อทีเดียวที่ทำให้ผิวพังได้ มาลองเช็คลิสต์กันดูว่านิสัยพังๆ ที่ทำให้หน้าเริ่มเหี่ยวมีอะไรบ้าง พร้อมวิธีกู้หน้าเหี่ยวแบบเร่งด่วนที่ไม่ต้องง้อการฉีดคอลลาเจน หรือฉีดฟิลเลอร์ให้เจ็บตัวและเสียทั้งเงินในกระเป๋า

5 นิสัยพังๆ สาเหตุของผิวหน้าเหี่ยวก่อนวัย

1. ครีมกันแดดไม่เคยได้รับอนุญาตให้อยู่บนผิวหน้า

เข้าใจว่าสาวๆ เกิน 90 เปอร์เซ็นต์ มีชีวิตที่เร่งรีบในตอนเช้า มักจะละเลยหรือข้ามสเต็ปการทาครีมกันแดดไป แต่รู้หรือไม่นี่คือการลงโทษผิวอย่างรุนแรงและไม่น่าให้อภัย เพราะเราต่างรู้ว่าแสงแดดที่ร้อนระอุของบ้านเรานั้นไม่เป็นมิตรกับผิวโดยตรง การที่ผิวหน้าและผิวตัวโดนแดดแรงๆ โดยไม่ได้ป้องกัน รังสียูวีอันเข้มข้นในแสงแดดจะทะลุทะลวงทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ชั้นโครงสร้างผิวให้อ่อนแอและลดน้อยลง ริ้วรอยแห่งวัยจึงมาเยือนผิวเร็วขึ้น และหากคิดว่าการอยู่แต่ในห้อง หรือก็จะหนีการโดนทำร้ายได้ เพราะเดี๋ยวนี้ศัตรูความงามอย่างแสงสีฟ้า ที่อยู่ตามจอโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ หรือหลอดไฟที่เราต้องเจอตลอดเวลาก็สามารถทำร้ายผิวได้เช่นกัน 

หากไม่อยากให้หน้าเกิดการเหี่ยวเร็ว ควรหมั่นทาครีมกันแดดที่ผิวหน้าเป็นประจำทุกวัน หรือก่อนออกจากบ้าน 30 นาที และหลบเลี่ยงแสงแดดที่มีรังสีเข้มข้นในเวลา 10.00-16.00 น. ด้วยการสวมหมวกปีกกว้างหรือกางร่มทุกครั้ง วิธีนี้นอกจากจะช่วยป้องกันหน้าเหี่ยว ผิวแก่ก่อนวัยแล้ว ยังช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย

2. สะสมน้ำตาลกับคาเฟอีนเยอะเกินไป

สาวๆ ที่รู้ตัวว่าติดชาหรือกาแฟแบบขาดไม่ได้ ดื่มกาแฟแทนข้าวจนเคยชิน แถมด้วยเค้กหน้าตาสวยๆ ที่มาพร้อมกลิ่นและรสชาติหอมหวานอันยั่วยวน ควรต้องรู้ไว้เลือกว่า การทานน้ำตาลและคาเฟอีนเป็นประจำจะทำให้เลือดข้นขึ้นและไปดูดน้ำจากผิวมากขึ้นกว่าปกติ ทำให้ผิวหน้าขาดความชุ่มชื้น เหี่ยวย่น มีริ้วรอยก่อนวัยนำหน้าเพื่อนสาวไปหลายไมล์เลยทีเดียว

ถ้าไม่อยากหน้าเหี่ยวก่อนวัย เปลี่ยนมาดื่มน้ำเปล่า ซึ่งการันตีได้จากหลายงานวิจัยว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับร่างกายและผิวพรรณ ช่วยทำให้เซลล์ในร่างกายอุ้มน้ำ ผิวชุ่มชื่นขึ้น ลดเลือนริ้วรอยได้ดี ในหนึ่งวันควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 8-10 แก้ว และเปลี่ยนจากขนมเค้กอันหอมหวานมาเป็นผักผลไม้ ช่วยเพิ่มวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระให้แก่ผิวพรรณ ก็จะช่วยลด โอกาสที่จะหน้าเหี่ยวก็จะน้อยลงแถมผิวพรรณเปล่งปลั่งขึ้นได้อีกด้วย

3. ทิ้งเมคอัพแน่นๆ ไว้บนหน้าก่อนเข้านอน

สาวยุคใหม่รักการแต่งหน้าเป็นชีวิตจิตใจ แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหนื่อยล้าจากการทำงาน หรือความขี้เกียจล้างหน้า ปล่อยให้เครื่องสำอางสะสมบนใบหน้าเป็นระยะเวลานานๆ สิ่งนี้แหละที่จะเป็นตัวฉุดให้ผิวแก่ หน้าเหี่ยว เป็นสิว เพราะรูขุมขนอุดตัน ไม่มีอากาศหายใจ หากไม่อยากให้ผิวเหี่ยว หน้าแก่ก่อนวัย ต้องไม่ลืมว่าพื้นฐานของการมีผิวสวยสุขภาพดีคือการล้างหน้าให้สะอาดและถูกวิธี โดยการล้างเครื่องสำอางด้วยคลีนซิ่งก่อน แล้วตามด้วยโฟมล้างหน้าคู่ใจและถ้ายังไม่มั่นใจความสะอาด ก็ขอความช่วยเหลือจากโทนเนอร์อีกแรงก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว เท่านี้ปัญหาหน้าที่เหี่ยวก็จะทุเลาเบาบางลง

4. สครับหน้าบ่อยเกินไป

จริงอยู่ที่การสครับผิวหน้าเป็นอีกหนึ่งวิธียอดฮิตที่สาวๆ ชื่นชอบและได้ผลดีกับผิวหน้า แลดูเป็นสาวหน้าใสตลอดเวลา จนสาวๆ บางคนเกิดอาการเสพติดการสครับหน้าเป็นประจำทุกวัน แต่การสครับหน้าทุกวันจะทำให้ผิวถูกรบกวน เกิดการอักเสบจากภายในซ้ำๆ เซลล์ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้นและยืดหยุ่น ซึ่งนอกจากทำให้หน้าเหี่ยวแล้วยังไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพผิวหน้าด้วย 

แต่ถ้าสาวๆ คนไหนอดใจไม่ไว้ให้เลือกสูตรสครับผิวหน้าจากธรรมชาติ ที่มีความอ่อนโยนต่อผิว ไม่มีเม็ดสครับ จะช่วยเซฟผิวหน้าไม่ให้ถูกซ้ำเติมจนได้รับบาดเจ็บมากขึ้น และที่สำคัญสครับแค่ 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ ก็เพียงพอแล้ว หรืออาจเลือกวิธีการออกกำลังให้ผิวหน้าด้วยการขยับปากออกเสียง อะ อิ อุ เอะ โอะ พยายามให้รูปปากและกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าได้ทำงานมากที่สุด ค้างเอาไว้ท่าละ 10 วินาที เพียงเท่านี้ก็ช่วยยกกระชับหน้าเหี่ยวให้กลับมามีหน้าเด็ก อ่อนกว่าวัยได้แล้ว

5. อดนอนเป็นประจำ

นอกจากใต้ตาจะคล้ำเหมือนหมีแพนด้าอย่างที่รู้ๆ กันแล้ว การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ นอนดึกพักผ่อนน้อย อะไรก็ตามแต่ จะทำให้ร่างกายไม่สามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและซ่อมผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้หน้าเหี่ยว ตีนกาถามหา ผิวโทรมไม่มีน้ำมีนวลจนสังเกตได้ สาวๆ คนไหนที่ติดนิสัยนอนดึกเป็นประจำ ซึ่งอาจเกิดจากความเครียดหรือติดโซเชียลก่อนนอนทุกคืน ควรปรับเปลี่ยนนิสัยการนอนด่วนถ้าไม่อยากหน้าเหี่ยวก่อนวัย

ซึ่งการนอนที่มีคุณภาพควรนอนไม่เกินห้าทุ่ม และหลับต่อเนื่องให้ได้ 7-9 ชั่วโมง รับรองว่าตื่นมาตอนเช้าจะสดใสไม่งัวเงีย และผิวก็ดูสดชื่น เมื่อทำเป็นประจำริ้วรอยก็จะเลือนลงอีกด้วย ที่สำคัญพยายามนอนหงาย อย่านอนตะแคงหรือคว่ำหน้าเพราะจะทำให้ผิวหน้าถูกกดทับ จนกลายเป็นริ้วรอยฝังลึกแทน

และเพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น สาวๆ ควรมองหาครีมบำรุงผิวหน้าเพื่อเติมเต็มความชุ่มชื้นใช้ควบคู่กันไปกับการปรับพฤติกรรมที่ไม่ดี ขอแนะนำเคล็ดลับกู้หน้าเหี่ยว แบบเร่งด่วนด้วย IndiGlow® Wake Up Younger Facial Blanket มาส์กบำรุงผิวหน้ากลางคืนสูตรเข้มข้น ดูแลความความชุ่มชื้นและความอ่อนเยาว์ให้ผิวหน้ายาวนานตลอดค่ำคืน ด้วยสารสกัดหลักจากประเทศฝรั่งเศส DUMAFLORINE® ทิวลิปสีดำ สมญานามราชินีแห่งค่ำคืน ทรงอานุภาพในการบำรุงผิว ซ่อมแซม และปรับสภาพโครงสร้างผิวชั้นในและชั้นนอกให้แข็งแรง เติมเต็มร่องลึก ให้ผิวฟูขึ้นได้ถึง 400% รีสตาร์ทให้ผิวหน้าแลดูอ่อนเยาว์ได้ทุกเช้าวันใหม่

อยากมีผิวหน้าเด็ก อยู่กับเราไปนานๆ ทำได้ไม่ยากเลย เพียงลด ละ เลิกพฤติกรรมข้างต้น แอคทีฟ มองโลกในแง่ดี และหมั่นทาครีมบำรุงผิวหน้าเป็นประจำ แค่นี้ก็มูฟออนแบบสวยใส มีใบหน้าอ่อนกว่าวัย ห่างไกลปัญหาหน้าที่แห้งเหี่ยวได้แล้วต่อให้ตัวเลขอายุจะวิ่งไปไกลแค่ไหน แต่อายุผิวหน้าจะไม่ตามไปติดๆ แน่นอน