ผิวมันขาดน้ำ เป็นอย่างไร? ถ้าเป็นแล้วต้องดูแลยังไงกันนะ
ผิวมันขาดน้ำ ฟังดูไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไรนัก แต่ภาวะนี้มีอยู่จริงและทำให้ผู้หญิงหลายคนสับสนระหว่าง “ผิวมัน” กับ “ผิวมันขาดน้ำ” เพราะอาการที่ใกล้เคียงกันมากจนแทบแยกไม่ออกนั่นเอง
ปกติสาวๆ ที่มีผิวมันเป็นทุนเดิมมักจะปวดหัวกับปัญหานี้อยู่เสมอ เพราะด้วยผิวหน้าที่มันมากจึงต้องมองหาสารพัดวิธีบรรเทาอาการหน้ามันราวกับจะทอดไข่ได้ จนต้องพึ่งสกินแคร์ที่ช่วยควบคุมความมัน ตั้งแต่ครีมบำรุงผิว เครื่องสำอาง ฯลฯ มีไม่น้อยที่เมื่อใช้แล้วรู้สึกผิวหน้าดีขึ้น แต่กับสาวๆ หลายคนกลับรู้สึกว่ายิ่งใช้ผิวหน้ายิ่งมัน ที่ร้ายไปกว่านั้นคือเมื่อส่องกระจกใกล้ๆ กลับพบว่าผิวดูแห้ง สาก ทั้งๆ ที่ผลิตน้ำมันออกมาเยอะกว่าปกติ หากเกิดปัญหานี้ขอให้รู้ไว้เลยว่าสาวๆ เจอแจ็คพ็อตเข้าให้แล้ว เพราะนี่คือหนึ่งในอาการ “ผิวมันขาดน้ำ” นั่นเอง
มาเช็คผิวกันหน่อยไหม? ว่าคุณมี “ผิวมัน” หรือ “ผิวมันขาดน้ำ” กันแน่
ดูเหมือนเป็นเรื่องเบสิคมากหากต้องร่ายยาวถึงปัญหาฝั่งผิวมัน แต่จุดสังเกตง่ายๆ คือผิวหน้าจะมีความมันเป็นพิเศษบริเวณทีโซน เนื่องจากผิวหนังมีการผลิตน้ำมันใต้ผิวมากกว่าปกติ และบางครั้งมีการผลิตน้ำมันช่วงแก้มออกมาเป็นเพื่อนสนิท จุดนี้ทำให้ผิวดูฉ่ำ มองใกล้ๆ ไม่รู้สึกถึงความแห้งสาก ริ้วรอยมีให้เห็นบ้างเล็กน้อย แต่เมื่อสัมผัสแล้วจะพบว่าผิวหน้ายังคงความชุ่มชื้น ไม่เป็นขุยให้เห็น และแน่นอนว่าเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ควบคุมความมันแล้วจะได้รับฟีดแบ็คที่ดีขึ้น เห็นผลชัดเจน เพราะผิวจะไม่ผลิตน้ำมันออกมาเพิ่มเติม
แต่ “ผิวมันขาดน้ำ” จะมีอาการที่แตกต่างดังนี้
ต้องบอกว่าสาวๆ ที่เป็นเจ้าของผิวมันและขาดน้ำอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เริ่มจากผิวดูแห้งทั้งๆ ที่มีน้ำมันเคลือบผิวอยู่ตลอดเวลา สัมผัสผิวหน้าเมื่อไรจะรู้สึกได้ทันทีว่าเดี๋ยวผิวก็แห้งเดี๋ยวผิวก็มัน วนลูฟสลับกันไปมา มีปัญหารูขุมขนกว้าง แต่งหน้าไม่ติด ลงแป้งซ้ำกี่ครั้งหน้าก็ไม่เนียน มีอาการผิวหนังลอกเป็นขุยทั้งที่หน้ามัน พอถึงเวลาล้างหน้าช่วงแรกหน้าจะแห้ง แต่จะกลับมามันอย่างรวดเร็ว ลูบแล้วสาก เหมือนมีสิวผดเต็มไปหมดแต่น่าแปลกที่มองไม่เห็น แถมยังเกิดสิวอุดตันง่ายเหมือนสาวหน้ามันไม่มีผิด
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ผิวมันขาดน้ำลองฟังทางนี้
1.พาผิวหน้าออกไปเจอแสงแดดแรงๆ ทุกวันแบบไม่ได้หยุดพัก ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้ร่างกายและผิวพรรณขาดน้ำ ทำให้ผิวแห้งจากภายนอกและต่อยอดไปถึงภายใน
2.อยู่ในห้องแอร์นานๆ เพราะอุณหภูมิที่เย็นและแห้งทำให้ความชื้นในอากาศลดลง ผลลัพธ์คือทำให้ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น โดยเฉพาะสาวๆ ออฟฟิศที่หายใจเข้าออกอยู่ในห้องแอร์ตลอดทั้งวัน โดยระหว่างวันไม่ได้เปลี่ยนอิริยาบถมากนัก จึงพบว่าสาวๆ ออฟฟิศมีโอกาสเกิดภาวะนี้ค่อนข้างมากแต่ไม่รู้ตัว
3.ดื่มน้ำน้อยถึงน้อยมาก ทำให้เซลล์ผิวไม่ได้รับความชุ่มชื้นเพียงพอผิวจึงขาดน้ำ และไปกระตุ้นให้ต่อมน้ำมันผลิตน้ำมันมากขึ้นเพื่อรักษาสมดุลให้ผิว
4.ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ซึ่งอะไรก็ตามที่ขึ้นชื่อว่าแอลกอฮอล์รู้ไว้เลยว่าเป็นศัตรูกับผิวสวยๆ นอกจากทำให้ผิวโทรม หน้าแก่ ในเคสของผิวมันและขาดน้ำ แอลกอฮอล์จะดึงความชุ่มชื้นออกไปจากผิวจนแทบไม่เหลือ
นอกจากนี้ การสครับผิวหรือใช้มาสก์แบบลอกผิวเป็นประจำ ไม่ทาครีมกันแดด ฯลฯ ก็เป็นตัวการทำให้เกิดปัญหาผิวมันและขาดน้ำได้ไม่แพ้กัน
4 ทริค ดูแลผิวมันขาดน้ำแบบเอาอยู่!
แม้ดูเหมือนจะเป็นปัญหาที่ไม่ร้ายแรง เมื่อเทียบกับปัญหาผิวหน้าอื่นๆ แต่เชื่อว่าสาวๆ ที่กำลังตกอยู่ในภาวะนี้อาจออกอาการเครียดเล็กๆ เพราะนอกจากแต่งหน้าไม่ติด ยังมีการทวิสต์ไปมาระหว่างผิวแห้งและผิวมันจนดูแลไม่ถูก และอาจเกิดปัญหาหน้าแห้งและริ้วรอยก่อนวัย ซึ่งเชื่อว่าสาวๆ ค่อนโลกคงกลัวริ้วรอยยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เพราะนอกจากหน้าจะแก่ก่อนวัยแล้ว ผิวยังดูร่วงโรย หมดออร่า ทำให้ไม่กล้าก้าวเท้าออกจากบ้านมาเจอแดดเลยทีเดียว แต่ในเมื่อปัญหาเกิดขึ้นแล้ว อย่าเพิ่งวิตกจนเกินเหตุ เพราะเรามีทางแก้มาให้สาวๆ ได้ลองทำกัน
1.ดื่มน้ำมากๆ
สาวๆ ที่รักผิวและอยากแก้ปัญหาผิวมันขาดน้ำ ต้องเริ่มจากเบสิคง่ายๆ อย่างการดื่มน้ำเปล่าอุณหภูมิห้อง เพื่อเป็นการเติมน้ำให้เซลล์ผิวภายในได้ดีที่สุด ลองทำเป็นประจำทุกวันนอกจากผิวจะนุ่มชุ่มชื้น ผิวหน้าที่เคยมันย่องเหมือนจะทอดไข่ได้ก็จะมันน้อยลง
2.หาตัวช่วยเติมน้ำให้ผิว
สาวๆ ที่รักการแต่งหน้าอาจไม่รู้ว่า เครื่องสำอางที่เราใช้อยู่ทุกวันก็ช่วยแก้ปัญหาผิวมันขาดน้ำได้ โดยสังเกตส่วนผสมที่มีคำว่า Hydration ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยเติมน้ำกลับเข้าสู่ผิว แถมยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวตั้งแต่ผิวชั้นในเรื่อยมาจนถึงผิวชั้นนอก ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ ลดหน้ามัน ผิวหน้าแลดูสุขภาพดีขึ้น
3.หยุดสครับผิวโดยไม่จำเป็น
การสครับผิวหรือใช้ผลิตภัณฑ์ขัดผิวบ่อยๆ ทำให้ผิวหน้าเกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย ไม่ใช่แค่สาวๆ ที่เป็นเจ้าของผิวมันขาดน้ำเท่านั้น แต่หมายรวมถึงสาวๆ ที่เป็นเจ้าของทุกสภาพผิว เพราะอะไรที่มากไปนั้นไม่ดี และน้อยไปก็อาจจะไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร ดังนั้น ควรลด ละ เลิกการสครับหรือขัดผิวหน้า และเปลี่ยนมาทาครีมกันแดดเป็นประจำก่อนออกแดดทุกครั้ง และหลีกเลี่ยงสารระคายเคืองต่อผิว เช่น แอลกอฮอล์ AHA BHA ซึ่งนอกจากทำให้หายหน้ามันแล้ว จะทำให้ผิวแห้งลอกมากขึ้นเป็นสองเท่า
4.สร้างสมดุลผิวด้วยมอยเจอไรเซอร์
หน้าที่หลักของมอยเจอร์ไรเซอร์นอกจากช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว กักเก็บน้ำ ยังช่วยป้องกันปัญหาผิวมันจากการขาดน้ำได้เป็นอย่างดี ถ้าสาวๆ กำลังมองหามอยเจอร์ไรเซอร์ที่เป็นเหมือน All in one Moisturizer รวมทุกการบำรุงไว้ในหนึ่งเดียว ขอแนะนำ IndiGlow® Seductive White Rejuvenating Moisturizer อุดมด้วยสารสกัดจากเห็ดสีฟ้า และสารสกัดอันทรงคุณค่าจากธรรมชาติอีก 5 ชนิด ให้ผิวชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ล็อคความกระจ่างใส อ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว พร้อมปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ด้วยค่า SPF 30 PA++++ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณ ก็เป็นการช่วยซ่อมผิวมันขาดน้ำจากภายในได้ดีอีกด้วย แม้จะเห็นผลช้าแต่หากลองฝึกทำควบคู่กันเป็นประจำ รับรองว่าปัญหาผิวมันและขาดน้ำจะกลายเป็นเรื่องเล็กๆ ที่ไม่มีอิทธิพลต่อจิตใจสาวๆ อีกต่อไป
หรือหากมีภาวะที่แอดวานซ์กว่านั้นคือ “ผิวขาดน้ำ” ขาดความชุ่มชื้นจนหาทางออกไม่ได้ สามารถพลิกไปหาคำตอบและวิธีแก้แบบแอดวานซ์สุดๆ ได้ที่บทความ ผิวขาดน้ำ อาการเป็นอย่างไร พร้อมวิธีแก้ไขขั้นแอดวานซ์ ที่คุณเองก็ทำได้