7 วิธีลดริ้วรอยบนใบหน้าที่ควรทำ หน้าย่นแค่ไหนก็แก้ได้ชัวร์
ลดริ้วรอย… ไม่ให้ผิวฟ้องวัย ทำอย่างไรให้ผิวหน้าที่เคยใส เรียบเนียน ออร่าพร่างพรู คงสถานะเดิมให้นานที่สุด เชื่อเหลือเกินว่าคงเป็นความต้องการของผู้หญิงทั่วโลก แต่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่ายากเหลือเกิน จนบางครั้งอยากจะพาผิวหน้าเข้าห้องตัดต่อให้รู้แล้วรู้รอด จะได้เสกริ้วรอยที่บาดตาให้อันตรธานหายไปตลอดกาล
ถ้าไม่นับเรื่องหุ่นผู้หญิงทุกคนรู้ดีว่าการมีผิวสวยเรียบเนียน กระจ่างใสไร้ริ้วรอย เป็นเหมือนของขวัญล้ำค่าที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในทุกอิริยาบถของการใช้ชีวิต แต่ด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้นตามกฎของธรรมชาติที่ใครก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ริ้วรอยบนใบหน้าจึงเป็นเหมือนแมสเสจแรกๆ ที่ปรากฏให้เห็น และด้วยความที่ไม่ยอมจากไปง่ายๆ แก้ยังไงก็ไม่หาย ผู้หญิงเราเกิน 80 เปอร์เซ็นต์ก็พร้อมยอมเจ็บแบบไม่ลืมหูลืมตา โดยหันไปพึ่งฝีมือของแพทย์เฉพาะทาง ทั้งยก ดึง ฉีด และอีกสารพัดวิธี (ทรมาน) เพื่อให้ผิวหน้ากลับมาสวยและดูดีขึ้น
โดยเฉพาะสาวๆ วัยทำงานมักกังวลกับริ้วรอยบนใบหน้ามาก เพราะต้องรับมือกับแสงแดดและมลภาวะที่เป็นพิษในอากาศอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และแม้ดูแลดีแค่ไหนแต่นานวันเข้าผิวหน้าที่เคยสดใสเต่งตึง ก็เริ่มมีริ้วรอยจางๆ ให้เห็น นับเป็นความเกี่ยวพันที่น่าขนลุกเมื่อพูดถึงอายุ แสงแดดและริ้วรอย แต่ยังมีอีกหลายปัจจัยที่กระตุ้นให้ริ้วรอยเกิดขึ้นได้ ทำความรู้จักต้นเหตุของริ้วรอยแบบเจาะลึกได้ที่ “ริ้วรอย” ถามหาก่อนวัย อยากกลับไปมีผิวเด็กอีกครั้งต้องแก้ที่ต้นเหตุ
หากสาวๆ คนไหนกำลังเผชิญกับริ้วรอยที่ปวดใจมานานเตรียมตัวหมดห่วงได้เลย เราขอแนะนำ 7 วิธีลดริ้วรอย กู้คืนผิวเหี่ยวให้กลับมาเรียบเนียนสดใส แลดูสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ ที่ลองแล้วได้ผลมาบอกต่อ พร้อมแล้วเริ่มออกสตาร์ทได้เลย
1.เป็นทาส (ความ) หวานต้องหารครึ่ง
ใครที่ตกเป็นทาสความหวานก็เหมือนสาวกทาสแมว เพราะตกลงไปแล้วถอนตัวยากเหลือเกิน สาวๆ ที่เป็นปลื้มกับของหวานแบบถอนตัวไม่ขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะน้ำตาลเปรียบเหมือนสารเสพติดชนิดหนึ่งที่ยิ่งกินยิ่งอร่อย แต่ทว่าความหวานของน้ำตาลกลับเป็นศัตรูสำคัญของผิว เพราะกระบวนการที่ร่างกายเผาผลาญในน้ำตาลต้องใช้ความร้อนสูงทำให้เกิดขยะขึ้นบนผิว ยิ่งหวานมากก็ยิ่งมีขยะมาก สาวๆ ที่ตกเป็นทาสของหวานๆ อย่างเค้ก น้ำแข็งใส น้ำอัดลม และอะไรต่อมิอะไรที่มีน้ำตาลเป็นส่วนผสมหลัก รวมไปถึงเครื่องดื่มสีสวยๆ ที่มีแอลกอฮอล์ทั้งหลายอย่างไวน์ ค็อกเทล ฯลฯ จึงมักจะหน้าเหี่ยวเร็วเหลือเกิน! เอาเป็นว่าถ้าไม่อยากหน้าแก่ผิวเหี่ยวริ้วรอยถามหาก่อนวัยต้องปฏิบัติการลดน้ำตาลด่วนเลย
2.อยู่ให้ไกลแสงแดด
ไม่ว่าจะเป็นปัญหาผิวรูปแบบไหน “แสงแดด” ก็เป็นเหมือนผู้สมรู้ร่วมคิดทุกครั้งไป และในเคสของการเกิดริ้วรอยก็ผ่านการพิสูจน์ยืนยันกันหลายต่อหลายครั้งในรายงานทางการแพทย์ว่า รังสียูวีเอ, ยูวีบีและอินฟราเรด เป็นผู้ก่อการร้ายเบอร์หนึ่งที่ทำให้เกิดริ้วรอยแห่งวัย ผิวขาดน้ำ เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำและขาดความยืดหยุ่น ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดคืออยู่ให้ไกลจากแสงแดด ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป ทุกวัน นอกจากช่วยป้องกันผิวไหม้เกรียมแดด ผิวหยาบกร้าน ลดริ้วรอยแล้ว ยังป้องกันมะเร็งผิวหนังในอนาคตได้ด้วย
3.สครับกระชับริ้วรอย
บางตำราก็บอกว่ายิ่งสครับยิ่งเพิ่มริ้วรอยนั่นก็ถูกครึ่งหนึ่ง แต่หากสครับอย่างถูกวิธีมีแต่จะช่วยลดริ้วรอยและยืดอายุความเต่งตึงของผิวออกไปได้อีกไกล โดยเฉพาะผิวที่โดนแดดบ่อยๆ จนแห้งเสียและเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น การสครับผิวจะช่วยผลักผิวที่คล้ำเสียและเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออกไปจากหน้า ช่วยจัดการริ้วรอยตื้นๆ ให้กลับมาเรียบเนียนขึ้นได้ง่ายๆ และยังช่วยเผยผิวใหม่ที่มีสุขภาพดีอีกด้วย
สาวๆ ที่ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจคงยิ้มแก้มปริ เพราะกากกาแฟเป็นสครับธรรมชาติที่เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดริ้วรอย แถมยังมีคาเฟอีนที่ช่วยกระตุ้นผิวให้สดชื่นและช่วยให้เลือดหมุนเวียนได้ดี แต่หากไม่ใช่คอกาแฟตัวยงขอให้ไต่ระดับลงมาที่วัตถุดิบบ้านๆ อย่างเกลือ… แค่นำมาผสมกับน้ำมันมะกอกให้เข้ากันก็เป็นอันใช้ได้
วิธีสครับที่ถูกต้องและได้ผลดีที่สุดคือการขัดผิววนเป็นวงกลมเล็กๆ ให้ทั่วใบหน้า โดยลงน้ำหนักอย่างเบามือที่สุดและไม่ควรสครับนานเกิน 2 นาที เพราะเม็ดสครับอาจจะบาดผิวหน้าทำให้เกิดแผลเล็กๆ ที่มองไม่เห็น และทำให้ผิวบางลงได้ นอกจากนี้ หลังสครับเสร็จควรล้างออกด้วยน้ำสะอาด ซับหน้าเบาๆ และเสริมทัพบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ทุกครั้ง เพื่อเป็นการคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า
4.เพิ่ม Antioxidants ให้ผิว
Antioxidants หรือสารต้านอนุมูลอิสระ คือสารชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เองตามธรรมชาติ เพื่อช่วยป้องกันและชะลอการเกิด “Oxidation” ซึ่งเป็นตัวการทำให้เราแก่เร็ว มีริ้วรอยมากขึ้นและป่วยง่าย แต่ยิ่งอายุมากขึ้นกลไกการสร้างสารต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกายยิ่งน้อยลงไปทุกที เราจึงต้องเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อช่วยลดริ้วรอย ให้ผิวเหี่ยวกลับมาเรียบเนียน ด้วยการกินผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ได้แก่ คะน้า ปวยเล้ง บร็อคโคลี บีทรูท หอมหัวใหญ่ พริกหวานแดง ข้าวโพด มะเขือม่วง มะเขือเทศ พรุน ลูกเกด บลูเบอร์รี สตรอว์เบอรี พลัม ส้ม องุ่นแดง กีวี
ในหมวดโปรตีนถ้าเป็นเนื้อสัตว์ก็ควรเลือกเนื้อปลาที่มีโอเมก้า 3 และเนื้อไก่ แทนที่เนื้อหมูและเนื้อวัว ซึ่งแม้จะเลาะเอาไขมันออกหมดก็ยังมีไขมันในเนื้อแดงอยู่ดีและถ้าไม่ลำบากจนเกินไปกับมื้อกลางวัน ลองมองหาข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี หรือขนมปังโฮลวีตแทนข้าวขาว เพราะมีคุณสมบัติในการยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสขึ้น เพิ่มความชุ่มชื้น ให้ผิวเต่งตึง ริ้วรอยตื้นขึ้น ผิวเรียบเนียนและมีน้ำมีนวล โปรตีนจากเต้าหู้ก็น่าคบเพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง และมีสารที่ออกฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเอสโทรเจน (Estrogen) ที่พบในเพศหญิง
สุดท้ายที่แนะนำคือถั่วไม่จำกัดชนิด เพราะมีไขมันดี มีสารต้านอนุมูลอิสระและมีเส้นใยสูงที่ช่วยการขับถ่ายได้ดี ตลอดจนสารสกัดจากปลาทะเลน้ำลึก อุดมไปด้วยคุณสมบัติช่วยเพิ่มคอลลาเจนและอีลาสตินให้แก่ชั้นผิว คืนความอ่อนเยาว์ ให้ผิวกระชับ เนียนนุ่มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
5.นวดหน้าโบกมือลาริ้วรอย
การนวดนอกจากช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายจากอาการอ่อนล้าแล้ว ยังช่วยชาร์ตแบทให้ผิวหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยกลับมาเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ได้อีกด้วย เพราะการนวดช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดใต้ผิวหนังให้เดินได้สะดวก ผิวหน้าจึงดูเต่งตึงสดใส ลดริ้วรอยได้อย่างเป็นธรรมชาติ ใครอยากลดริ้วรอยจุดไหนเริ่มนวดหน้าตามสูตรนี้ได้เลย
ริ้วรอยใต้ตา > ใช้นิ้วนางและนิ้วกลางกดเบาๆ ที่หัวคิ้ว ค่อยๆ เคลื่อนไปที่ขมับ จากนั้นนวดวนเป็นเกลียวตามแนวใต้ตา
ริ้วรอยหางตา > ใช้นิ้วนางกดเบาๆ บริเวณหางตาไว้สักครู่ แล้วเริ่มนวดซิกแซ็กไปจนถึงโหนกแก้ม
ริมฝีปาก > ใช้นิ้วกลางและนิ้วนางนวดเบาๆ เป็นวงกลมรอบริมฝีปาก แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือนวดกดเบาๆ บริเวณคาง โดยนวดจากซ้ายไปขวาและกลับจากขวาไปซ้าย
ผิวหน้ายืดหยุ่น > ใช้นิ้วทั้ง 4 (ยกเว้นนิ้วโป้ง) นวดวนเป็นเกลียวเบาๆ บริเวณแก้ม
กระชับกล้ามเนื้อ > ใช้นิ้วกลางกดที่หัวคิ้วแล้วเลื่อนนิ้วตามแนวสันจมูกจนถึงมุมปาก จากนั้นใช้นิ้วทั้ง 4 นวดวนเป็นเกลียวบริเวณแก้มไปจนถึงขมับ
6.หยุดความเครียดและจินตนาการเชิงลบ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าอารมณ์และความคิดในเชิงลบคือต้นเหตุหนึ่งที่ทำให้ริ้วรอยถามหา นั่นเป็นเพราะว่าจิตใจนั้นเชื่อมโยงกับร่างกายโดยตรง โดยเฉพาะความเครียดคือตัวการทำลายผิวอย่างรุนแรง ด้วยไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตทั้งงานที่ออฟฟิศและชีวิตประจำวันของคนเมือง ล้วนต้องเผชิญกับความเครียดสะสม นานวันเข้าหากอารมณ์ที่คุกรุ่นไม่ได้รับการแก้ไขจะค่อยๆ ซึมซาบเข้าสู่จิตใต้สำนึกโดยไม่รู้ตัว ทำให้ร่างกายเกิดเจ็บป่วยตามความคิดและอารมณ์ไปด้วย ทางแก้คือพยายามทำกิจกรรมเบาๆ ที่ช่วยให้จิตใจผ่อนคลาย เช่น ดูหนัง, ฟังเพลง, นั่งสมาธิ, จุดเทียนหอมในห้องนอนหรือห้องทำงานเพื่อช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและบำบัดอารมณ์ไปในตัว
7.ให้รางวัลผิวด้วยครีมลดริ้วรอย
เมื่อไรที่เกิดปัญหาริ้วรอยท่องให้ขึ้นใจว่า “มอยเจอไรเซอร์” คือผู้ช่วยที่ดีที่สุด เพราะเป็นเพื่อนสนิทที่ให้ความชุ่มชื้นโดยตรงต่อผิว โดยมีหน้าที่หลักคือเคลือบผิวเพื่อลดการสูญเสียน้ำในผิวได้ดี แต่อย่าลืมบำรุงดูแล Skin Barrier หรือเกราะคุ้มกันผิวด้วย เพราะถ้า Skin Barrier แข็งแรงก็สามารถกักเก็บมอยเจอร์ไรเซอร์ให้คงอยู่ในผิวไว้ได้ดีเป็นสองเท่า
ขอแนะนำครีมบำรุงผิวหน้ากลางคืน IndiGlow® Wake Up Younger Facial Blanket ครีมบำรุงผิวหน้าที่ดีที่สุด ปลุกเซลล์ผิวขณะที่คุณหลับในรูปแบบทริปเปิ้ลมอยเจอร์ไรเซอร์ (Triple Moisturizer) ดูแล ฟื้นฟูและกักเก็บความชุ่มชื้นให้ยาวนานตลอดคืน มอบความอ่อนเยาว์ให้ผิวในชั่วค่ำคืน ด้วยหลากสารสกัดอันล้ำค่าจากธรรมชาติและโดดเด่นด้วยสารสกัดหลัก DUMAFLORINE® ทิวลิปสีดำ จากประเทศฝรั่งเศสที่ทรงอานุภาพในการบำรุงผิว ซ่อมแซม และปรับสภาพโครงสร้างผิวชั้นในและชั้นนอกให้แข็งแรง ต่อการต้านอนุมูลอิสระ ผสานกับสารสกัดทรงพลังใน IndiGlow White Loc Complex™ และเทคโนโลยีบอลลูนเอฟเฟค (BALLOON EFFECT) ที่ช่วยให้ผิวฟู เนียนเด้ง ฉ่ำน้ำ ลดเลือนริ้วรอย ยกกระชับและลดปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สวยเพอร์เฟ็กต์นั้นไม่มีอยู่จริง แต่สวยปลอดภัยไร้ริ้วรอยแบบแตะต้องได้มีอยู่จริง ด้วย 7 วิธีลดริ้วรอยเพื่อคืนความเรียบเนียน อ่อนเยาว์ให้ผิวหน้า ต่อให้ผิวเยินเหี่ยวย่นแค่ไหนก็ชนะได้ใสๆ