4 สเต็ปเสกผิวสวยสุขภาพดี ที่ทำตามได้ทุกวัน
ผิวดี นับเป็นผิวในอุดมคติของผู้หญิงทุกคน นอกจากสร้างเสน่ห์เฉพาะตัวแล้ว ยังสามารถดึงดูดให้ผู้คนอยากเข้าหา แต่รู้หรือไม่ว่าการจะมีผิวดีได้ ใช่เพียงมาจากการบำรุงที่ดีเท่านั้น ที่สำคัญต้องมีวินัยและใส่ใจดูแลสุขภาพผิวจากภายในอย่างสม่ำเสมอ
นิยามของ “ผิวดี” เป็นอย่างไร
หลายคนอาจเข้าใจว่าการมี “ผิวดี” หมายถึงต้องมีผิวที่ขาวใส มีออร่าจับเหมือนเหล่าไอดอลเกาหลีทั้งหลาย แต่ในความจริงนิยามของ “ผิวดี” นั้น ไม่จำเป็นต้องมีผิวที่ขาวใสเว่อร์วัง เพราะทุกสีผิวนั้นสามารถดูดีในแบบของตัวเองได้ และผิวดียังหมายถึงผิวที่ไม่มีปัญหาต่างๆ มากวนใจ จนทำให้สูญเสียความแข็งแรง เช่น ปัญหาสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอยก่อนวัย หรือแม้กระทั่งปัญหาผิวขาดน้ำ ที่บั่นทอนทั้งความมั่นใจและบุคลิกภาพโดยรวมอีกด้วย
แต่ถึงแม้ผิวจะไม่ได้ดีตั้งแต่เกิด เราก็สามารถสร้างนิยาม Perfect Skin ของตัวเองได้ ใครอยากมีผิวสุขภาพดีด้วยวิธีธรรมชาติต้องไม่พลาดดูแลตัวเองให้ดีจากภายใน มาเริ่มดูแลและบำรุงให้ถูกวิธีด้วย 4 สเต็ปสร้างผิวดีที่คุณเองก็ทำได้
4 หลักการสร้างผิวดี ที่เสกให้มีผิวสวยสุขภาพดีได้ไม่ยาก
1. กินดี
ว่ากันว่าผิวก็เปรียบเสมือนกระจกที่สะท้อนสุขภาพที่ดีได้ เช่นเดียวกับศาสตร์การแพทย์แผนจีนที่ใช้การสังเกตผิวพรรณและการแมะชีพจร ก็สามารถบอกปัญหาสุขภาพได้ ดังนั้น อาหารจึงเป็นหลักการข้อแรกที่สร้างสุขภาพผิวดีได้จากภายใน แต่ทว่าจากยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้เราต้องหันไปพึ่งอาหารฟาสต์ฟู้ด (Fast food) กันมากขึ้น ร่างกายจึงได้รับวิตามินน้อย รวมถึงกากใยอาหารและสารอาหารปริมาณต่ำ
ซึ่งการทานอาหารเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ดีและครบถ้วน อ้างอิงตามที่ สสส. แนะนำคือ ในหนึ่งวันควรจัดสรรอาหารเป็น 4 ส่วน โดยครึ่งหนึ่งให้เป็นพื้นที่ของผักและผลไม้หลากสี เพื่อให้ได้วิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระที่หลากหลาย อีกหนึ่งส่วนให้เป็นโปรตีนที่ดี ส่วนสุดท้ายให้เป็นพื้นที่ของแป้งเชิงซ้อน และตบท้ายด้วยน้ำเปล่า แต่ถ้ายังไม่รู้ว่ามีอะไรที่ควรเสิร์ฟให้ผิวบ้างลองเช็กได้ตามตารางด้านล่างนี้ รับรองผิวดีอยู่แค่เอื้อม
2. ออกกำลังกาย
การที่ผิวพรรณดูไม่สดใส ไม่แข็งแรงและดูแก่ก่อนวัย ส่วนหนึ่งมาจากเส้นเลือดฝอยใต้ผิวตีบตันเนื่องจากการกดทับของไขมัน ระบบการหมุนเวียนเลือดไม่สมดุล ผิวจึงมีสุขภาพไม่ดีเท่าที่ควร แม้ว่าจะมีการบำรุงอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม ดังนั้น นอกจากดูแลเรื่องอาหารแล้ว การออกกำลังกายเป็นหลักการข้อสองที่ต้องให้ความใส่ใจเช่นกัน ซึ่งการออกกำลังที่ดีควรออกให้ครบทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นคาร์ดิโอ ที่ช่วยกระตุ้นการสูบฉีดเลือดและการเผาผลาญไขมัน การเวทเทรนนิ่งเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้กระชับและยืดหยุ่น สุดท้ายเฟลกซิบิลิตี้ เทรนนิ่ง (Flexibility Training) ที่ช่วยให้ข้อต่อและเส้นเอ็นแข็งแรง กระตุ้นร่างกายให้กระฉับกระเฉงมากขึ้น
นอกจากนี้ เหงื่อที่ถูกขับออกมาขณะที่เราออกกำลัง ยังช่วยผลักสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนออกมาด้วย เหมือนเป็นการดีท็อกซ์ผิวในตัว ช่วยให้ผิวสะอาด เรียบเนียน แต่ทั้งนี้การออกกำลังกายต้องอยู่ในความพอดี ไม่โหมหนักจนร่างกายรับไม่ไหว
3. นอนดี
หลักของการมีผิวดีในข้อที่ 3 คือการนอนที่ดี ซึ่งตอนกลางคืนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการซ่อมแซมผิวกระบวนการผลัดเซลล์ผิวใหม่จะถูกเปิดตัวและเริ่มทำงานขึ้น การหมุนเวียนเลือดในชั้นผิวหนังจะสูบฉีดดีขึ้น นอกจากนี้การนอนหลับพักผ่อนยังช่วยเพิ่มฮอร์โมนที่ช่วยซ่อมแซมตัวเองอย่าง โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) และลดฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือฮอร์โมนแห่งความเครียด ที่ส่งผลกระทบต่อการซ่อมแซมผิวได้โดยตรง
และการนอนดีในที่นี้คือควรนอนให้ตรงตามนาฬิกาชีวภาพ เข้านอนตอน 4 – 5 ทุ่ม แล้วนอนต่อเนื่องให้ได้ 7 – 8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายผลิตเมลาโทนิน (Melatonin) ฮอร์โมนที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและนอนหลับได้ดีขึ้น หรือทริคง่ายๆ ที่ช่วยให้หลับสบายมากขึ้น ก่อนนอนสัก 15 นาที ให้จุดเทียนหอม ทำสปา หรือทรีทเม้นท์ผิว จะช่วยสร้างบรรยากาศให้ผิวรู้สึกดี ผ่อนคลายและทำให้หลับง่ายมากขึ้น
4. ไม่เครียด
อย่างที่บอกไปว่าผิวพรรณของเราสามารถสะท้อนสุขภาพร่างกายและจิตใจได้เป็นอย่างดี ความเครียดคือหนึ่งในสิ่งเร้าที่ทำให้สุขภาพแย่ลง แต่ไม่ได้แปลว่าความเครียดเป็นสิ่งเลวร้าย เพราะมีงานวิจัยพบว่า ความเครียดจะส่งผลร้ายได้เฉพาะในเคสที่เราเชื่ออย่างนั้น และยังจัดเป็นกลไกการป้องกันตัวเองจากภัยคุกคามต่างๆ อีกด้วย แต่ความเครียดที่โอเวอร์โหลดต่างหากที่มีผลกับร่างกาย อารมณ์และผิวพรรณโดยตรง เพราะจะกระตุ้นให้ฮอร์โมนคอร์ติซอลผลิตออกมามากขึ้นจนส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายและผิวพรรณไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ตามปกติ อีกทั้งยังกระตุ้นฮีสตามีน (Histamine) สารเคมีในร่างกายที่ตอบสนองต่อภูมิแพ้ให้เพิ่มมากขึ้น ผิวจึงไวต่อการสัมผัส เกิดการระคายเคืองและเป็นผื่นแดงได้ง่าย
นอกจากนี้ ความเครียดยังทำให้เกิดอนุมูลอิสระ สาเหตุของภาวะผิวแก่ก่อนวัย ผิวหน้าไม่เรียบเนียน หย่อนคล้อย มีริ้วรอยและความหมองคล้ำ ดังนั้นหากรู้ตัวว่าเริ่มถูกความเครียดปกคลุม ให้รีบจัดการสะสางให้หลุดออกไปโดยเร็วที่สุด และสิ่งสำคัญสำหรับการดูแลผิวที่เครียดนั้น ให้เน้นใส่ใจกับการบำรุงขั้นพื้นฐาน เช็คให้แน่ใจว่าผิวชุ่มชื้นพอดีแล้ว ครีมบำรุงที่ใช้มีสารสกัดที่ให้สารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อต่อสู้กับอนุมูลอิสระที่จะทำร้ายผิว ทำทรีทเม้นท์ หรือสปาผิวให้ผิวผ่อนคลายบ้าง
และนี่คือ 4 สเต็ป หลักการพื้นฐานในการดูแลตัวเองที่ช่วยเนรมิตผิวดี แถมช่วยให้คุณมีสุขภาพดีได้ไม่ยาก
นอกจาก 4 หลักการสร้างผิวดีที่เราได้บอกไปแล้ว การเลือกบำรุงด้วยสกินแคร์ที่เหมาะกับผิวก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้คุณเป็นเจ้าของผิวสุขภาพดีได้อย่างสมบูรณ์แบบ ให้มอยเจอร์ไรเซอร์คอยดูแลความชุ่มชื้นและเสริมความแข็งแรงให้ผิว
ในระหว่างวันด้วยเดย์ครีม IndiGlow® Seductive White Rejuvenating Moisturizer มอยเจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวหน้า ให้ผิวชุ่มชื้น ปรับผิวให้ขาวกระจ่างใส เรียบเนียน ด้วยสารสกัดจากเห็ดสีฟ้าและเทคโนโลยี IndiGlow White Loc Complex™ และค่าการป้องกันผิวจากรังสี UVA และ UVB ในแสงแดดด้วยค่า SPF 30 PA++++ และเสริมทัพการดูแลด้วยไนท์ครีม IndiGlow® Wake Up Younger Facial Blanket ครีมบำรุงกลางคืน ช่วยฟื้นฟูและกักเก็บความชุ่มชื้นให้ยาวนานตลอดคืน ด้วยสารสกัดหลัก DUMAFLORINE® ของทิวลิปสีดำจากประเทศฝรั่งเศส ปรับสภาพโครงสร้างผิวชั้นในและชั้นนอกให้แข็งแรง ให้ผิวเนียน ผิวฟูขึ้นได้ถึง 400%
Did you know?
หรือไม่ มอยเจอร์ไรเซอร์สำคัญกับผิวเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน เพราะเป็นครีมบำรุงที่ช่วยเสริมการทำงานในการฟื้นฟู และกระตุ้นให้เซลล์ผิวผลัดเปลี่ยนตัวเองได้เร็วขึ้นถึง 30 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลากลางวัน ดังนั้นไนท์ครีมที่เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์จึงเป็นสกินแคร์อีกชิ้นที่ต้องมี ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็ไม่ควรละเลยการทาครีมบำรุงกลางคืน