ซัมเมอร์ ไปไหนดี? เตรียมแพ็คกระเป๋าเที่ยว 7 ลิสต์ให้ฉ่ำใจได้เลย

ซัมเมอร์ ไปไหนดี? คำถามยอดฮิตช่วงหน้าร้อน #สาวออฟฟิศสวยรวย คำตอบคงหนีไม่พ้นทะเลใต้ที่ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ใครที่กำลังยุ่งกับงานจนแทบไม่มีเวลาได้พัก ลองมาปลุกพลัง ฟังเสียงคลื่นลม ฟอกปอดกันหน่อยไหม? กับ 10 ลิสต์ เพื่อทริปหนีร้อนไปพึ่งเย็นช่วงซัมเมอร์ รับรองไปแล้วอยากกลับไปอีก บางที่อาจเป็นแพลนที่อยู่นอกสายตา แต่เชื่อเถอะว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

ว่ากันว่าการได้ใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติจะช่วยลดความเครียด คุณภาพชีวิตดี มีความสุขขึ้น การออกเดินทางเพื่อหวังใกล้ชิดกับธรรมชาติจึงเป็นวิธีที่หลายคนเลือก แต่ไม่ใช่ทุกคนที่อยากสโลว์ไลฟ์ เพราะบางคนก็ชอบกิจกรรมกลางแจ้งแบบแอดเวนเจอร์ หรือไม่ชอบเดินทางไกล เอาเป็นว่าถ้าใครยังไม่มีแพลนเที่ยวหรือปักหมุดที่ไหนเป็นพิเศษ เรามี 7 เส้นทางพิเศษตั้งแต่ทริปยาวที่เหมาะไปบ่มแดดได้แบบนานแรมเดือน ไป 3 วัน 2 คืน (เหมือนเข้าค่ายรอบกองไฟ) ยัน One day trip ที่ครบรสตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ให้ตามรอยแบบชิลล์ๆ ได้ตลอดซัมเมอร์นี้

1.พักร้อนอันดามันแห่งทะเลตะวันออก ล่องกอนโดลาที่ตราด

เกาะช้าง จังหวัดตราด ไม่ได้มีดีแค่ทะเลและเกาะเล็กเกาะน้อย แต่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ จะเรียกว่าเป็นเมืองหนึ่งที่ครบครันพร้อมรองรับทุกไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวก็คงไม่ผิดนัก แถมเป็นเพียงเกาะเดียวในประเทศไทยที่สามารถนำรถข้ามไปที่เกาะได้ด้วยเรือเฟอร์รี่! มีที่กิน ที่พักให้เลือกมากมายหลากหลายระดับ

แต่ซัมเมอร์นี้ขอโฟกัสไปที่ เกาะกูด เกาะที่ได้ชื่อว่าอันดามันแห่งทะเลตะวันออก ให้อารมณ์เหมือนบ้านบนดอยไม่มีแสงสี ไม่มีทีวี ไม่มีตู้เย็น ฯลฯ เสน่ห์ของเกาะกูดนอกจากน้ำใสไล่เฉดสวย หาดทรายละเอียดสีขาว บรรยากาศเงียบสงบ ยังได้สัมผัสวิถีชีวิตเรียบง่ายของชาวประมงบนเกาะกูดอย่างใกล้ชิดด้วย เรียกได้ว่าเกาะกูด… กู๊ดจริงๆ

ถ้าซัมเมอร์นี้ไม่มีเวลาออกทะเลนานๆ แนะนำให้ตรงไปที่ฝั่งตะวันออกของเกาะช้าง จะพบหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ชื่อหมู่บ้านสลักคอก ที่ซ่อนตัวอยู่ในช่องแคบภายในเวิ้งน้ำขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยแนวป่าชายเลน มีช่องทางออกสู่ท้องทะเลทางเดียวซึ่งเป็นช่องแคบขนาดเล็กเกือบจะบรรจบกัน ที่นี่คือ “อ่าวสลักคอก” ซึ่งยังคงวิถีชีวิตดั้งเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น นอกจากออกเรือหาปลาแล้ว ยังมีอาชีพเสริมคือ “พายเรือมาด” รองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมวิถีชีวิตชาวประมง ยิ่งทวีความโรแมนติกมากขึ้นหากมีโอกาสมาในช่วงพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า ที่ให้ความความรู้สึกเหมือนล่องเรือกอนโดลาที่เมืองเวนิส และมีอีกออปชันสำหรับสายแอดเวนเจอร์คือพายเรือคายัคท้าทายสายน้ำอีกด้วย

2.ดำน้ำดูฝูงปลาการ์ตูน เช็คอินปราสาทหินพันยอดที่สตูล

สวรรค์แห่งการพักผ่อนที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามอันดับต้นๆ ของทะเลบ้านเรา น้ำทะเลสีเขียวอมฟ้า หาดทรายขาวเนื้อเนียนละเอียด จนได้รับสมญานามว่า “มัลดีฟเมืองไทย” แถมยังเป็นแหล่งดำน้ำที่มีชื่อเสียง ทั้งดำน้ำดูปลาการ์ตูน ปะการังเจ็ดสี ดอกไม้ทะเล ที่นี่คือเกาะหลีเป๊ะ ที่รายล้อมด้วยชายหาดสวยทั้ง 4 อาทิ หาดพัทยา หาดซันไรท์ หาดคาร์มา หาดซันเซ็ท แถมยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของทะเลฝั่งอันดามันอีกด้วย

สายฮิปฯ ที่ไม่ชอบความวุ่นวาย ยังมีอีกหนึ่ง Unseen ให้ได้เช็คอิน นั่นคือ ปราสาทหินพันยอด อัญมณีที่ซ่อนความสวยงามไว้อย่างลึกลับในจังหวัดสตูล ลองหลับตาแล้วจินตนาการถึงภาพของชั้นหินขนาดใหญ่ ที่มีลักษณะเหมือนยอดปราสาท สีสันสวยงามสะดุดตา เบื้องล่างคือน้ำทะเลใสสะอาดสีเขียวมรกต ด้านบนคือท้องฟ้าสดใสและกลุ่มเมฆสีขาว ถ้าไม่เหนื่อยจากการดำน้ำจนเกินไป แนะนำให้ซัมเมอร์นี้ไปพิชิตความงดงามที่สร้างสรรค์โดยธรรมชาติที่นี่เลย

3.นอนอาบแดด… สะพายกล้องดื่มด่ำงานสตรีทอาร์ตที่ภูเก็ต

อีกหนึ่งหมุดหมายที่ฮิตติดลมบนไม่เคยตกจากตารางซัมเมอร์ ที่นักท่องเที่ยวมาแล้วต้องกลับมาให้ได้ในทุกปีเพื่อเป็นอาหารตา ผ่อนกาย พักใจ นอกจากหมู่เกาะสิมิลันและเกาะพีพีที่ขึ้นชื่อเรื่องสวรรค์ของคนรักทะเลแล้ว เกาะไม้ท่อน (Honeymoon Island) ยังเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของภูเก็ตที่ชีวิตนี้น่าไปให้ได้สักครั้ง ด้วยความที่เป็นเกาะส่วนตัว ธรรมชาติใต้ท้องทะเลจึงอุดมสมบูรณ์มากๆ อากาศบริสุทธิ์ และปะการังริมชายฝั่งที่สวยงามไม่แพ้ใต้ทะเล มีจุดชมวิวด้านบนแบบ 180 องศา วันไหนฟ้าเปิดจะได้เห็นหมู่เกาะสิมิลันเต็มๆ ตาอีกด้วย เกาะไม้ท่อนจึงเป็นเหมือนไข่มุกที่ซ่อนตัวอยู่ในฝั่งอันดามันทางทิศตะวันออกของเกาะภูเก็ตอย่างไรอย่างนั้น ใครสายบีช อยากหาที่นั่งชิลล์ นอนอาบแดดแนะนำให้ไปที่หาดกะรน

ถ้าไม่นับทะเล… อีกหนึ่งไฮไลท์ของภูเก็ตคือย่านเก่าและสตรีทอาร์ตในเมือง ทั้งอาคารสไตล์ชิโนโปรตุกีสที่ผสมผสานศิลปะตะวันตกและตะวันออกอย่างกลมกลืน จนเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของเมืองภูเก็ต และโครงการ F.A.T Phuket (Foot Art Old Town) ศิลปะบนกำแพงหรือสตรีทอาร์ตที่กระจายอยู่ทุกหัวระแหงของถนนดีบุก ถนนพังงาและถนนถลาง ฝีมือศิลปินไทยและต่างชาติที่บอกเล่าวิถีเรื่องราวชาวภูเก็ต ให้บรรยากาศเหมือนกำลังเดินอยู่ที่ปีนัง!

4.กระบี่มีดีกว่าที่คิด

อีกหนึ่งดินแดนสวรรค์ทะเลอันดามัน ไม่ใช่แค่น้ำทะเลใสแจ๋ว ปะการัง ดอกไม้ทะเลและปลาสีสันจัดเต็มของเกาะพีพีหรืออ่าวมาหยาเท่านั้น ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวหัวฝรั่งแต่ใจไทยพร้อมใจกันแบกเป้ไปกระบี่ เพราะชั่วโมงนี้เกาะรอก คือฐานที่มั่นใหม่ของกระบี่ที่น่าไปนอนอาบแดดให้ผิวแทนสุดๆ เกาะรอกเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา เป็นเกาะที่มีหาดทรายสีขาวเนียน น้ำทะเลสีฟ้าใส บรรยากาศโรแมนติก รอบๆ เกาะมีจุดดำน้ำตื้นหลายจุด เต็มไปด้วยกลุ่มปะการังและฝูงปลา ปะการังสวยหลายชนิด ทั้งปะการังก้อน ปะการังเขากวาง ปะการังสมอง หากจะบอกว่าเป็นเหมือนสวรรค์ของนักดำน้ำก็คงไม่ผิดนัก แถมยังพิเศษตรงที่มีลานกางเต็นท์และบ้านพักไว้ต้อนรับทุกคนที่อยากมาพักค้างแรมบนเกาะตลอดซัมเมอร์นี้

เกาะห้อง ในเขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณีก็ขึ้นชื่อเรื่องน้ำทะเลสวยใสดั่งมรกต มองเห็นปลาแหวกว่าย อยากดำน้ำตื้นดูปะการังได้ เกาะห้องจึงเป็นเกาะในฝันของใครหลายคน แถมยังมีไฮไลท์เด็ดตรงที่มี “ทะเลใน” ลักษณะคล้ายห้อง มีช่องประตูทางเข้าที่สามารถเอาเรือเข้าไปได้ แล้วจะเซอร์ไพรส์สุดๆ เพราะเหมือนเปิดประตูห้องเข้าไปแล้วเจอสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ซ่อนอยู่!

5.เส้นทางสายดอกไม้ และกลิ่นอายวัฒนธรรมที่ “น่าน”

ใครว่าซัมเมอร์จะขึ้นเหนือไม่ได้ “น่าน” เป็นเมืองเก่าที่มีชีวิต มีความน่ารักและโรแมนติกมากๆ แห่งหนึ่งในประเทศไทย โด่งดังด้วยภาพกระซิบรักบันลือโลกที่วัดภูมินทร์ และกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ตามธรรมชาติ วัดวาอาราม ศิลปะ และวัฒนธรรมประเพณีที่เรียบง่าย แต่ยังเปี่ยมด้วยเสน่ห์และมนต์ขลังที่น่าจดจำ ช่วงหน้าร้อน (ก.พ. – เม.ย.) ของทุกปี ยังเป็นช่วงเวลาดีๆ ที่พันธุ์ไม้หายากที่สุดในโลก คือต้นชมพูภูคาเบ่งบานชูช่อ ออกดอกสีชมพูสวยหวานอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา แถมยังมีต้นเต่าร้างยักษ์และต้นกว่างภูคา ที่การันตีได้ว่ามีที่นี่ที่เดียวเท่านั้นในประเทศไทย

ไปต่อกันที่สถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน โอบล้อมไปด้วยต้นนางพญาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทยสีชมพูสะพรั่ง มาพร้อมกับใบเมเปิ้ลที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงในเวลาไล่เลี่ยกัน และถ้าไปต่อที่บ้านงอบศาลา อ.ทุ่งช้าง จะพบว่าถนนทั้งสายถูกโอบล้อมไปด้วยต้นเหลืองอินเดียสีเหลืองสด และสีเหลืองทองอร่ามตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้ายามแดดเปรี้ยง ที่ว่ากันว่าหนึ่งปีจะบานเพียงครั้งเดียว และค่อยๆ ร่วงโรยไปในเวลา 5-7 วัน!

แต่ซัมเมอร์ทั้งที อย่าลืมลัดเลาะไปคลายร้อนกันที่ หาดสบยาว อีกหนึ่งที่ที่ไม่ไปถือว่าพลาด เพราะเป็นหาดน้ำจืดที่สวยงามใน อ.ภูเพียง ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือกันปรับปรุงภูมิทัศน์ของชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชน น่าชื่นใจแทนคนไทยที่รักบ้านเกิดจริงๆ

6.หลบร้อนนอนแพ แบกเป้ไปแอดเวนเจอร์ที่กาญจนบุรี

เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่การันตีได้ว่าไม่ใช่แค่ช่วงซัมเมอร์เท่านั้น แต่สามารถเที่ยวได้ทั้งปี หน้าไหนก็ชิลล์ได้ไม่มีเบื่อแน่นอน แต่จะดีแค่ไหนถ้าได้ทิ้งงานอันเร่งรีบไปนอนบนแพริมน้ำ มองฟ้า สูดโอโซนเข้าปอด พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวที่โอบล้อมด้วยภูเขา สองเท้าจุ่มน้ำ หรืออดใจไม่ไหวจะลงน้ำให้หายร้อนก็ไม่ว่ากัน รับรองว่าอาการเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาตั้งแต่ช่วงต้นปีคงไหลตามกระแสน้ำจนหายลับไป ที่กาญฯ มีจุดนอนแพริมน้ำให้เลือกตลอดบริเวณแม่น้ำแคว ทั้งแพเขื่อนศรีนครินทร์ แพที่พักสังขละบุรี ฯลฯ เรียกว่ามีให้เลือกหลายรูปแบบ ตั้งแต่ชิลล์ๆ แบบเรียบง่ายไปจนถึงปลีกวิเวกสุดๆ สำหรับคนที่ต้องการโซนไพรเวท

จากนั้นออกสตาร์ทกันที่น้ำตกเอราวัณ ที่ใหญ่และสวยงามเบอร์หนึ่งบนฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ ใหญ่แค่ไหนต้องบอกว่ามีถึง 7 ชั้น และแต่ละชั้นมก็มีความสวยงามที่แตกต่างกันไป น้ำใสไหลเย็นคงช่วยดับร้อนได้ดีทีเดียว แต่รับรองว่าถ้าได้เห็นความสวยงามของน้ำตกในชั้นที่ 7 แล้วจะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ผ่านป่าดิบเขาให้ได้แอดเวนเจอร์เล็กๆ ในป่าอีกด้วย สำหรับขาลุยแนะนำให้แวะไปเขาช้างเผือก ที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เส้นทางการเดินป่าสุดโหดที่มีระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 6 ชั่วโมง ขึ้นถึงยอดเมื่อไรรางวัลที่ได้คือการกางเต็นท์ดูดาวบนยอดเขา ซัมเมอร์นี้ใครที่อยากสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด บอกเลยว่าต้องมาพิชิตเขาช้างเผือกสักครั้ง แถมเปิดให้ได้ผจญภัยกันปีละครั้งเท่านั้น

ขากลับอย่าลืมแวะหมู่บ้านน่ารักที่สังขละบุรี ที่เต็มไปด้วยไมตรีจิตของผู้คนในชุมชนมอญเล็กๆ ใกล้ชายแดนเมียนมาร์ ได้ไปสักครั้งต้องหลงรักความเรียบง่ายของที่นี่แน่นอน แถมอัดแน่นด้วยกิจกรรมน่ารักๆ ตามแบบฉบับชาวมอญปะแป้งอีกเพียบ ตั้งแต่ตื่นเช้าไปตักบาตรบนสะพานมอญ ล่องเรือไปชมวัดน้ำจมน้ำ (วัดวังก์วิเวการาม) สักการะเจดีย์พุทธคยา เพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย

7.ปั่นจักรยานฟอกปอด เที่ยวตลาดบางน้ำผึ้ง @สมุทรปราการ

ปิดท้ายซัมเมอร์ด้วย One day trip ใกล้กรุง จะฉายเดี่ยวหรือเที่ยวเป็นกลุ่มก็ได้ นอกจากองค์พระสมุทรเจดีย์ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของจังหวัดสมุทรปราการ อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่คือการปั่นจักรยานสูดโอโซนที่สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ หรือคุ้งบางกระเจ้า ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น The Best Urban Oasis of Asia หรือ “ปอดกลางเมืองที่ดีที่สุดในเอเชีย” นั่นเอง พอแดดร่มลมตกขอให้แวะไปชอป ชิม ชิลล์ที่ตลาดบางน้ำผึ้ง ตลาดน้ำที่เต็มไปด้วยของดีเมืองสมุทรปราการ อาทิ กุ้งเหยียด ปลาสลิด ฯลฯ ไม่ไกลกันยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย แหล่งเรียนรู้สำคัญที่เหมาะมากสำหรับครอบครัว

ส่วนใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศมาพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ ในคุ้งบางกระเจ้าก็มีที่พักทั้งแบบโฮมเสตย์ โฮสเทล ไปจนถึงโรงแรมไว้รองรับอีกด้วย ขากลับอย่าลืมแวะสักการะหัวใจพระนอนที่วัดบางพลีใหญ่กลาง เพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมกลับมาเริ่มนับหนึ่งใหม่ในการทำงานแบบชุ่มชื่นหัวใจ

เห็น 7 ลิสต์แน่นๆ แบบนี้อาจเลือกไม่ถูก เอาเป็นว่าซัมเมอร์นี้แนะนำให้แพ็คกระเป๋าไปตามรอยให้หมด เพราะทุกที่ล้วนมีเสน่ห์และมีความพิเศษเฉพาะตัว ต้องไปสัมผัสด้วยตัวเองเท่านั้น… ถึงจะรู้

แต่ซัมเมอร์ทั้งที นอกจากพร็อพประจำตัวที่ขาดไม่ได้อย่างบิกินี แว่นกันแดด หมวกปีกกว้าง ผ้าโพกหัว รองเท้าสาน ฯลฯ ที่ต้องมีแล้ว ก่อนออกเดินทางสาวๆ ที่รักตัวเองอย่าลืมพกพาเพื่อนสนิทที่ช่วยกู้ชีวิตจากแดดแรงๆ ของซัมเมอร์นี้ไปด้วย กับ IndiGlow® Seductive White Rejuvenating ครีมบำรุงผิวหน้าที่ดีที่สุดในรูปแบบ All in one มอยเจอร์ไรเซอร์ที่รวมทุกการบำรุงไว้ในหนึ่งเดียว อุดมด้วยสารสกัดจากเห็ดสีฟ้า และสารสกัดอันทรงคุณค่าจากธรรมชาติอีก 5 ชนิด หนึ่งในนั้นคือ Naringin จากส้มโอทับทิมสยาม ที่คงไว้ซึ่งการออกฤทธิ์ Antioxidants แก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส ให้ผิวชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ล็อคความกระจ่างใส พร้อมปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ด้วยค่า SPF 30 PA++++ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื้อครีมละเอียด เกลี่ยง่าย ซึมเร็ว อ่อนโยนต่อทุกสภาพผิวแม้ผิวแพ้ง่าย ปราศจาก Paraben และแอลกอฮอล์