แสงสีฟ้า ศัตรูความงามแห่งยุคดิจิตอล

แสงสีฟ้า
คนยุคใหม่ใช้ชีวิตอยู่กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทั้งคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ เพื่อความสะดวกสบายมากขึ้น จนแทบจะเป็นหนึ่งในปัจจัยการดำรงชีวิตที่ขาดไม่ได้ แต่รู้หรือไม่ว่าอุปกรณ์เหล่านี้ก็มีการปล่อยอนุภาครังสี หรือ “แสงสีฟ้า” ออกมาและทำร้ายผิวของเราได้อย่างไม่คาดคิด

 

แสงสีฟ้าคืออะไร ทำไมถึงกลายเป็นศัตรูของผิว

Blue Light หรือแสงสีฟ้า มีชื่อทางการเต็มๆ ว่า High Energy Visible Light (HEV) เป็นรังสีในรูปแบบของแสงชนิดหนึ่งที่มีความยาวคลื่นต่ำ แต่ให้พลังงานในการทะลุทะลวงสูง สามารถเข้าไปทำร้ายผิวได้ถึงชั้นในสุด (Dermis) และทำร้ายผิวได้ลึกยิ่งกว่ารังสี UVA และ UVB ซึ่งแสงนี้สามารถพบได้รอบๆ ตัวเรา ไม่ว่าจะมาจากแสงแดด จอคอมพิวเตอร์ จอมือถือ แท็บเล็ต หรือแม้กระทั่งหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ตามบ้านเรือน ซึ่งความร้ายกาจของแสงสีฟ้าคือ กระตุ้นให้นาฬิกาชีวิตของร่างกาย (Biological Clock) ทำงานแปรปรวน กระตุ้นร่างกายให้ตื่นตัวตลอดเวลาผ่านระบบประสาทและระบบฮอร์โมน  จนกลืนกินเวลาพักผ่อนและซ่อมแซมของร่างกาย

 

 

แสงสีฟ้า_แสงจอมือถือ

 

 

ดังนั้นจากพฤติกรรมการติดจอของคนในยุคนี้ ตามที่เว็บไซต์ wearesocial ได้เก็บสถิติเกี่ยวกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตว่าคนไทยใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ยวันละ 9 ชั่วโมง 11 นาที ซึ่งมากกว่าการนอนหลับพักผ่อนในแต่ละคืนเสียด้วยซ้ำไป และจากพฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เราได้รับแสงสีฟ้าจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากจนเกินไป นาฬิกาชีวิตถูกรบกวน ส่งผลให้การหลั่งสารเคมี หรือฮอร์โมนในร่างกายถูกกระตุ้นมากเกินไป จนทำให้ระบบเวลาของร่างกายทำงานผิดเพี้ยน

 

รวมไปถึงการทำงานของเซลล์ผิวหนังซึ่งมีนาฬิกาชีวิตของผิว หรือ Derma Clock ก็ถูกรบกวนจนทำงานผิดปกติได้เช่นกัน ส่งผลให้การซ่อมเซลล์ผิว การสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินต่างๆ ที่เคยมีสูงสุดในช่วงเวลากลางคืนแปรปรวน เพราะผิวได้รับการกระตุ้นจากแสงสีฟ้าให้ตื่นตัวตลอดเวลา ทำให้เกิดการรับรู้ผิดไปว่าเวลากลางคืนยังคงเป็นเวลากลางวันอยู่ จึงทำให้ช่วงเวลาในการซ่อมแซมเซลล์ผิวลดน้อยลง และทำให้นาฬิกาชีวิตผิวเสื่อมสภาพลงด้วย

 

จะเกิดอะไรขึ้น ? เมื่อนาฬิกาชีวิตผิวเสื่อม…

เซลล์ผิวของคนเราไม่ได้ถูกกระตุ้นให้ทำงานจากการสั่งการของฮอร์โมนในสมอง หรือจากนาฬิกาชีวิตเพียงเท่านั้น แต่ในผิวหนังของเราก็มีนาฬิกาแห่งชีวิตเป็นของตัวเองอีกด้วย เพื่อควบคุมการทำงานของเซลล์ผิวให้ทำงานเป็นระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งโดยปกติแล้วนาฬิกาชีวิตผิวของทุกๆ คนจะถูกแบ่งหน้าที่ให้คอยปกป้องผิวและฟื้นฟูผิวอยู่ 2 ช่วงเวลา คือ

 

  • ช่วงกลางวัน ทำหน้าที่ปกป้องผิว คอยผลิตน้ำมันเคลือบผิว ปกป้องผิวจากรังสียูวีและมลพิษจากสิ่งแวดล้อม
  • ช่วงกลางคืน เป็นเวลาที่มีการซ่อมแซลล์ผิวในระดับสูงสุด สาร Derma Clock จะถูกผลิตออกมาให้ทำหน้าที่ฟื้นฟู ซ่อมแซมเซลล์ผิวที่ถูกทำร้ายจากช่วงเวลากลางวัน ช่วยกระตุ้นกระบวนการซ่อมเซลล์ผิว การสร้างคอลลาเจน อิลาสตินและปรับสมดุลการทำงานของเซลล์ (Circadian Rhythm)

แต่เมื่อผิวถูกรบกวนจากแสงสีฟ้า ซึ่งสามารถทะลุทะลวงเข้าไปรบกวนนาฬิกาชีวิตของผิว ทำให้การทำงานของเซลล์ผิวแปรปรวนไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระบวนการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวในช่วงเวลากลางคืน ก็ไม่สามารถทำหน้าที่ได้เหมือนเดิม ประสิทธิภาพในการฟื้นฟูเซลล์ต่ำลง เซลล์ผิวอ่อนแรงลง ทำให้ปัจจัยต่างๆ ทั้งจากภายนอกและภายในตรงเข้าทำร้ายผิวได้ง่ายมากขึ้น และค่อยๆ ก่อตัวจนกลายเป็นปัญหาผิวให้ปรากฏ

 

 

แสงสีฟ้า_ผิวเสีย

 

 

อ่านมาถึงตรงนี้ สาวๆ คงรู้แล้วว่าไม่ใช่แค่รังสี UVA UVB อีกต่อไปแล้ว ที่ทำให้ผิวหน้าของเราหมองคล้ำ ดูแก่ก่อนวัย และอีกสารพัดปัญหาผิวที่จะตามมากวนใจและกวนผิวหน้า แต่ยังมีศัตรูความงามเพิ่มมาอีกหนึ่งนั่นคือแสงสีฟ้าที่มีอยู่ทั้งในแสงแดดและที่มาจากพฤติกรรมการติดจอของสาวๆ นั่นเอง รู้แบบนี้แล้วก็อย่าลืมหันมาใส่ใจดูแลผิวหน้า ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้จอ ลดเวลาให้น้อยลง และเลือกใช้สกินแคร์ที่มีส่วนช่วยในการดูแลและปกป้องผิวจากศัตรูความงามตัวนี้ด้วย เพื่อผิวที่แข็งแรง กระจ่างใสแลดูอ่อนกว่าวัย

 

มาชาร์จพลังให้ผิวหน้า เติมเต็ม ฟื้นฟูและซ่อมแซมผิวหน้าให้แข็งแรง ปลอดภัยจาก “แสงสีฟ้า” ศัตรูความงามแห่งยุคดิจิตอล ด้วยเซรั่มบำรุงผิวหน้า IndiGlow Youth charger

 

แสงสีฟ้า_เซรั่มบำรุงผิวหน้า

 

 

ชาร์จพลัง ฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวหน้าเสื่อมประสิทธิภาพได้อย่างล้ำลึก (Cell Repair & Recharge) พร้อมทั้งปกป้องผิวจากแสงสีฟ้า (Anti Blue Light) ได้ตลอด 24 ชม. ให้ผิวดูเปล่งประกาย อ่อนกว่าวัยและคืนความชุ่มชื้นให้ทุกชั้นผิว ด้วย เซรั่มบำรุงผิวหน้า IndiGlow Youth charger ที่ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยี Hymagic 4D ที่มีกรดไฮยาลูรอนิค 4 ชนิด 4  ขนาดโมเลกุล ซึ่งเล็กกว่ากรดไฮยาลูรอนิคทั่วไป ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดเล็กพิเศษ สามารถแทรกซึมตรงเข้าเติมเต็มความชุ่มชื้นได้ทุกชั้นผิว ตั้งแต่ผิวชั้นนอกไปจนถึงผิวชั้นในสุด และยังช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวและ DNA ที่เสื่อมสภาพได้ทุกชั้นผิวอีกด้วย พร้อมกับ Hydrolyzed Silk โปรตีนจากรังไหม ที่ช่วยสร้างฟิล์มเคลือบผิวไว้อีกชั้น คอยปกป้องให้ผิวชุ่มชื้นได้ยาวนานยิ่งขึ้น และ Bifida Ferment Filtrate แหล่งสารอาหารชั้นดีของแบคทีเรียที่ดี ช่วยปรับสมดุล pH ในผิวและซ่อมแซม DNA ของผิวให้แข็งแรงยิ่งขึ้น และสารสกัดจากพืชที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ พร้อมปกป้องเซลล์ผิวไม่ให้ถูกทำลายจากรังสีต่างๆ ในแสงแดด อีกทั้งยังมี Derma – Clock ซึ่งเป็นสารสกัดจากรากของต้น Trichosanthes Kirilowii ช่วยปรับสมดุลของนาฬิกาชีวิตผิวให้กลับมาทำงานซ่อมแซมและปกป้องตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสริมภูมิคุ้มกันให้ผิวกลับมาแข็งแรงสุขภาพดี พร้อมต่อกรกับทุกปัญหาผิว

Did you know? ทำไมเราต้องใช้ “เซรั่มบำรุงผิวหน้า”

 

เพราะเซรั่มหน้าเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมจากสารสกัดเข้มข้น โมเลกุลสารอาหารมีขนาดเล็ก ทำให้ซึบซาบเข้าสู่ชั้นผิวได้ดีกว่า โดยไม่ต้องใช้ปริมาณที่เยอะ อีกทั้งเนื้อสัมผัสที่บางเบากว่า ทำให้ผิวหน้าได้รับการฟื้นฟูอย่างล้ำลึก ดังนั้นหากสาว ๆ อยากสวย อยากมีผิวหน้าแข็งแรงต้องบำรุงผิวหน้าด้วยเซรั่มเป็นประจำทุกวัน


Related Posts