ดูแลตัวเอง ให้เวิร์กทั้งงาน และชีวิต ด้วย 5 ทริคเริ่ดๆ

ดูแลตัวเอง

เป็นเวิร์กกิ้งวูแมนบางครั้งก็เหนื่อยแสนเหนื่อย ไหนจะต้องทำงานไหนจะต้องจัดการชีวิตส่วนตัว โดยเฉพาะชีวิตของสาวออฟฟิศที่มักจะผูกติดอยู่กับงาน งาน งาน! วนลูปอยู่ในวังวนที่เร่งรีบ บ้านช่องไม่ได้กลับ ติดประชุมแล้วเทเพื่อน มีแฟนก็เหมือนไม่มี ละเลยการ ดูแลตัวเอง เทหมดหน้าตักให้กับงานจนชีวิตส่วนตัวเฟลไปหมด

 

ดูแลตัวเองให้เวิร์กทั้งงานและชีวิต ด้วย 5 ทริคเริ่ดๆ

 

ในยุคดิจิตอลครองเมืองนาทีนี้ เชื่อว่าสาวๆ ออฟฟิศหลายคนคงกำลังติดกับดักความสำเร็จ และมากกว่าครึ่งที่ยึดเอาเวิร์กฮาร์ดเพลย์ฮาร์ดเป็นคีย์หลักในการใช้ชีวิต แต่การจะเวิร์กฮาร์ดเพลย์ฮาร์ดได้แบบเต็มพิกัดนั้น ต้องไม่ใช่การทุ่มเททำงานหนักหามรุ่งหามค่ำแบบเอาเป็นเอาตาย ทุกลมหายใจเข้าออกคืองาน หลังจากนั้นคือปาร์ตี้แบบจัดหนักไม่…ไม่เลิก และไปพบจุดจบอีกทีตอนร่างพัง หน้าเยิน หมดออร่า หากยังโหมใช้ชีวิตแบบจัดเต็มจัดหนักแบบนี้รับรองว่าคุณอาจจะป่วยก่อน Success!

 

เพราะจริงๆ แล้วเทรนด์ของมนุษย์ยุคดิจิตอลต่างต้องการ Work life balance ที่ดี ซึ่งการมีเวิร์กไลฟ์บาลานซ์ที่ดีนั้นไม่มีกฏเกณฑ์ที่ชัดเจนตายตัว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง แค่ต้องหาความสมดุลของตัวเองให้เจอ นั่นคือ ถึงงานในหน้าที่จะหนักหน่วงแค่ไหน ก็ต้องให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตส่วนตัว ให้เวลากับการดูแลตัวเอง และไม่ลืมชาร์จแบตเติมพลังให้ชีวิต หากคุณกำลังเข้าข่ายเป็นสาวบ้างานที่กำลังมีปัญหากับการบาลานซ์ชีวิต ลองมาดู 5 ทริคดีๆ ที่จะช่วยให้คุณเวิร์กฮาร์ดเพลย์ฮาร์ดในวิถีของ Work life balance ที่สมดุลได้ในร่างของสาวออฟฟิศที่เก่งทั้งงาน ได้ใช้ชีวิตตามใจอยาก มีเวลาตามหาแพสชั่น และไม่ลืมดูแลตัวเอง   

 

 


 

1. Work life Balance ก็รู้แหละว่าคนเราต้องมี แต่ก็ยังทำไม่ได้สักที

ขอตอกย้ำคำว่าเวิร์กไลฟ์บาลานซ์อีกครั้ง คำพูดติดปากที่คุ้นเคยนี้เริ่มมีอิทธิพลในชีวิตเรามากขึ้นเรื่อยๆ บอกไว้ตรงนี้เลยว่าไม่ใช่แค่คำพูดเท่ๆ สวยหรู แต่มีคนทำได้จริงและทำให้ดีด้วย อยู่ที่ว่าคุณตั้งใจจริงหรือเปล่า ถ้าคิดว่าพร้อมก็เริ่มปฏิบัติการหาสมดุลให้ชีวิตตัวเองได้เลย สเต็ปแรกควรแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้ออกจากกันเด็ดขาด แต่กฏของเวิร์กไลฟ์บาลานซ์ที่ดีคือเรื่องของคุณภาพไม่ใช่ปริมาณ สมมติง่ายๆ คือทำงาน 5 วันอย่างหนักหน่วง งานจบก็ปิดสวิสซ์พาตัวเองเข้าสู่โหมดผ่อนคลาย พักผ่อนดูแลตัวเองให้เต็มที่ อาจจะเฉลี่ยเวลาเป็น 3 พาร์ทคุณภาพ คือพาร์ทตัวเอง คุณสาวๆ ที่ชอบเดินทางก็เตรียมแพ็คกระเป๋าไปแบ็คแพ็ค หรือปาร์ตี้ ดูแลตัวเอง เข้าสปา นวดตัว ทำหน้า ฯลฯ พาร์ทสองคือให้เวลากับคนรัก และพาร์ทที่สามคือครอบครัว หาเวลาไปทานข้าวเพื่อพบปะแลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกัน แม้ครอบครัวจะเป็นหน่วยเล็กๆ ที่มักถูกมองข้าม แต่มีสาวออฟฟิศจำนวนไม่น้อยที่ได้ไอเดียเล็กๆ จากการร่วมโต๊ะกินข้าวพร้อมหน้ากับครอบครัว หากทำได้ก็นับว่าเป็นความสมดุลแบบทั่วถึงกันที่เกิดขึ้นได้จริง     

 

ดูแลตัวเองให้เวิร์กทั้งงานและชีวิต ด้วย 5 ทริคเริ่ดๆ

 

2. จัดตารางชีวิตใหม่ เรียงลำดับความสำคัญของงาน และไม่หอบงานกลับไปทำที่บ้าน

 

นอกจากงานประจำ สาวออฟฟิศบางคนยังรั้งตำแหน่งบล็อกเกอร์ กราฟิก หรือรับจ๊อบเป็นนักบัญชีมือสมัครเล่น ตารางชีวิตจึงเหมือนต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา ตื่นมาก็ทำ ระหว่างวันก็ทำ ก่อนนอนก็ทำ แต่พอใช้ชีวิตผ่านไปสักพักคุณจะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองแก่ก่อนวัย ไอเดียฝืด ปลุกไม่ตื่น เพราะอยู่กับตัวเองมากไปจนไม่มีเวลาไปเจอใคร ไม่มีเวลาแม้แต่ดูแลตัวเอง สุดท้ายก็หมดไฟ

หากกำลังเผชิญมรสุมลูกนี้แนะนำให้จัดตารางชีวิตเสียใหม่ เริ่มจากเรียงลำดับความสำคัญของงาน จดช็อตโน้ตหรือพกสมุดปฏิทินติดตัวตลอด และจัดสรรเวลาการทำงานให้ลงตัวแต่ยืดหยุ่น เมื่อตารางงานลงล็อค เคลียร์ครบจบปิ๊งก็หันมาดูแลตัวเองตามใจฉัน อาจจะหันไปเข้าฟิตเนส ว่ายน้ำ ดูซีรียส์เรื่องโปรด หรือถ้ามีเวลาว่างมากพอก็ลองมองหาคอร์สสั้นๆ ที่ชอบเพื่อพัฒนาสกิลของตัวเอง ปลื้มงานศิลปะก็ออกไปเสพงานเจ๋งๆ ที่อาร์ตแกลอรี่เพิ่มเติมแรงบันดาลใจได้เลย

 

3. Perfect is not Perfect คุณไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบเสมอไป

 

งานไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต ถึงคุณจะรักยิ่งชีพแต่ก็ต้องปล่อยวางและปลีกตัวเองออกมาเมื่อจำเป็น อย่าคลั่งความสำเร็จจนบั่นทอนชีวิตส่วนตัว สาวบางคนถึงขนาดขีดเส้นตายยอมพลีชีพให้งาน 100 เปอร์เซ็นต์จนลืมดูแลตัวเอง ละเลยสุขภาพ จริงอยู่ที่การเป็นเพอร์เฟ็กต์ชั่นนิสต์ทำให้ชีวิตไม่เป๋ ตรงตามแพลนเป๊ะ แต่บางครั้งการอยู่ในกรอบเดิมๆ นานๆ อาจทำให้พลาดอะไรดีๆ ในชีวิตไปอย่างคาดไม่ถึง

 

ลองถามตัวเองก่อนว่างานที่อยู่ในมือต้องทำให้เสร็จหรือต้องเสร็จแบบเพอร์เฟ็กต์ ถ้าคำตอบคืออย่างหลังขอให้ปรับ Mindset ของตัวเองซะใหม่ เพราะบางครั้งคุณก็ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างให้ออกมาเพอร์เฟ็กต์ จริงๆ นะ แค่ลงมือทำให้เต็มที่และดีที่สุดก็เพียงพอแล้ว และจะดีกว่าไหมถ้าคุณจะสวยแบบสตรอง งานเสร็จทันเวลาและมีเวลาไปเติมความสวย ดูแลตัวเองให้ดูดีควบคู่ไปกับงาน ดีกว่ามัวยึดติดค่ำเคร่งเสียเวลากับงานสุดเพอร์เฟ็กต์ แต่พอหันกลับมาส่องกระจกเจอหน้าสิว ผิวพัง พุงยื่น หน้ามัน

 

ดูแลตัวเองให้เวิร์กทั้งงานและชีวิต ด้วย 5 ทริคเริ่ดๆ

 

4. I’m very Happy ทำทุกสิ่งที่ตัวเองมีความสุข

 

ถือเป็นการเยียวยาและดูแลตัวเองที่ดีที่สุด การให้เวลากับตัวเองโดยมองหาสิ่งที่ชอบ สนุกและมีความสุขที่จะทำมันจริงๆ จนบางครั้งเพลินจนลืมเวลา อาจเรียกวิธีนี้ว่าการใช้ชีวิตแบบฮิปสเตอร์ก็ไม่ผิด อย่าให้ใครมากำหนดหรือบอกว่าคุณควรทำหรือไม่ควรทำอะไร และอย่าสร้างกรอบให้ตัวเอง อยากทำอะไรก็ทำเลย แต่มีข้อแม้ว่ามันต้องเป็นสิ่งที่ทำให้คุณผ่อนคลายนะ เช่น นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนโซฟาตัวโปรด ปิดโซเชียล ดูแลต้นไม้ เปิดเพลงดังๆ ออกไปดูหนังคนเดียว อ่านหนังสือเล่มโปรดไม่เคยจบสักทีก็รีบทำมันซะเถอะ จะอะไรก็ได้ถ้าสิ่งนั้นทำให้คุณมีความสุขและสบายที่สุด พอชาร์ตแบตหนำใจแล้วจะทำให้คุณกลับสู่โลกความจริงของการทำงานอย่างสดใส มีพลัง บางครั้งอาจมีไอเดียใหม่ๆ ผุดขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว

 

 

5. Beauty & Healthy เครื่องหน้าต้องออร่า สุขภาพต้องสตรอง

 

ในโลกของการทำงานคุณอาจจะเคยเห็นตัวอย่างมานักต่อนัก คนที่ Success ในชีวิตการทำงาน มีเงินเป็นกอบเป็นกำ แต่กลับล้มเหลวในชีวิตส่วนตัวหรือเลยเถิดไปถึงชีวิตคู่เหมือนตกเหว ร่างกายที่มีโรคภัยรุมเร้าอยากจะมาอยู่เป็นเพื่อน เพราะที่ผ่านมามัวแต่ทำงานจนไม่มีเวลาดูแลตัวเองให้ดีเท่าที่ควร ข้อแนะนำของเราคือควรกำหนดความสำเร็จของตัวเอง อย่าลืมว่าเวลา 24 ชั่วโมงมีเท่ากัน อยู่ที่ว่าจะเอาไปใช้หรือยอมให้หมดไปกับอะไร บางครั้งการที่เราจริงจังกับอะไรมากเกินไป หรือแบกมันไว้ทั้งหมดก็ทำให้เราเครียดได้ง่ายๆ หัดปล่อยวาง ไว้ใจคนรอบข้างให้เข้ามาเป็นผู้ช่วยเรื่องงานก็ไม่เสียหาย เปิดโอกาสให้ตัวเองได้เอาใส่ใจและดูแลตัวเองบ้าง

การดูแลตัวเองง่ายๆ เริ่มจากอาหารการกินที่ตรงเวลา มีประโยชน์ นอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกายเป็นประจำ และบำรุงบำเรอผิวหน้า (และผิวพรรณ) อย่าให้ขาดตกบกพร่อง เมื่อร่างสตรอง หน้าสตรอง ผิวสตรอง ร่างกายจะฟ้องทันทีว่าคุณสาวๆ พร้อมจะรับมือกับทุกสิ่งบนโลกใบนี้ได้อย่างเอาอยู่และรู้ทัน เชื่อสิ!


Related Posts

Leave a comment