อยู่ก่อนแต่ง หรือแต่งก่อนอยู่ ต้องดูแลตัวเองให้เหมือนเป็นรักแรกพบ

อยู่ก่อนแต่ง

อยู่ก่อนแต่ง หรือ แต่งก่อนอยู่ ยังคงเป็นปัญหาโลกแตกที่ไม่เคยตกเทรนด์ของคู่รัก จนเกิดเป็น Meme และ #อยู่ก่อนแต่งหรือแต่งก่อนอยู่ แต่เชื่อว่าในยุคที่จังหวะของโลกกำลังหมุนไปไกลมากแทบอัพเดทตัวเองไม่ทัน วัฒนธรรมการอยู่ก่อนแต่งจึงกลายเป็นค่านิยมที่ถูกเลือกปฏิบัติกันอย่างเปิดเผยโดยไม่รู้สึกแปลกแยก เพราะถ้ารอจนรักสุกงอมถึงแต่งอย่างที่โบราณว่าอาจไม่ทันใจ!

 

ความดีงามของการใช้ชีวิตแบบตัวติดกันเกือบ 24 ชั่วโมง ของคู่รักที่ตัดสินใจ “อยู่ก่อนแต่ง” คือการได้ทดลองใช้ชีวิตคู่แบบไร้ข้อผูกมัด ได้เห็นธาตุแท้ของอีกคนที่ยืน เดิน นั่ง นอน ในบ้านเดียวกันแทบทุกอิริยาบถ รวมถึงแอดติจูดและดีเทลบางอย่างที่ไม่มีทางได้เห็นในเวลาปกติ เหมือนวัดกันไปเลยว่ารับในตัวตนที่แท้จริงของกันและกันได้หรือเปล่า ทว่าในความชั่วคราวของการอยู่ก่อนแต่งก็มีความเสี่ยง เพราะทำให้การมองอนาคตเป็นไปแบบ Short-term แต่ที่สุดแล้วหากไปกันไม่รอดจริงๆ ก็ถือว่ายังมีอิสระที่จะได้เลือก ซึ่งหากมองแบบผิวเผินดูเหมือนเป็นการข้ามเส้นของวัฒนธรรมเดิมที่ต้องแต่งงานก่อนถึงจะฟีเจอร์ริ่งไปบ้าง แต่ไม่ว่าอย่างไร ค่านิยมใหม่ในการอยู่ก่อนแต่งก็เริ่มกลายเป็นสิ่งที่สังคมยอมรับได้แล้วในที่สุด

 

ในส่วนของการ “แต่งก่อนอยู่” ตามธรรมเนียมที่คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ยึดถือกันมาจากรุ่นสู่รุ่นในอดีตนั้นก็มีความดีงามไม่แพ้กัน เพราะเหมือนเป็นกุศโลบายที่แยบยลในการสร้างเงื่อนไขให้คู่รักได้ใช้ชีวิตคู่ยืนยาว ควบคู่ไปกับสถานะทางสังคม และการวางแผนในรูปแบบ Long-term ที่ลากยาวไปถึงชีวิตหลังแต่งงาน มีลูก มีครอบครัวที่อบอุ่น เหมือนเป็นแรงผลักดันให้คู่รักศึกษาและเรียนรู้ชีวิตคู่อย่างจริงจัง ตอกย้ำถึงสถานะที่มั่นคงคล้ายกับ Comfort Zone ที่ปลอดภัยของการแต่งก่อนอยู่ แต่ในดีล้วนมีเสีย นั่นคือการไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับนิสัยใจคอที่แท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องบนเตียงที่เป็นดั่งแรงขับเคลื่อนของชีวิตคู่ หากรับไม่ได้รักที่ว่าหวานอาจพังไม่เป็นท่า แต่ก็ยังไม่น่าหวั่นใจเท่ากับการมีลูกที่เป็นเหมือนข้อผูกมัดที่แน่นหนาราวกับโซ่ตรวน เพราะการเริ่มต้นชีวิตใหม่ (อีกครั้ง) ของผู้หญิงเรานั้นไม่ง่ายเลย

 

ลองชั่งน้ำหนักดูว่าแบบไหนที่ใช่สำหรับชีวิตคู่ของคุณ เพราะไม่ว่าจะ อยู่ก่อนแต่ง หรือ แต่งก่อนอยู่ ก็ไม่มีใครการันตีได้ว่ารักครั้งนี้จะยืนยาวตลอดไปหรือต้องจบลงกลางทาง และสงครามแฮชแท็ก #อยู่ก่อนแต่งหรือแต่งก่อนอยู่ คงไม่จบลงง่ายๆ แต่ที่เราอยากโฟกัสคือพฤติกรรมระหว่างทางของการใช้ชีวิตคู่ เมื่อหมดช่วงโปรโมชั่น หากพบว่าทั้งคุณและเขาออกอาการเนือยๆ เริ่มนอยด์ ไม่ตื่นเต้นเอะอะมองตาก็สปาร์คเหมือนครั้งแรกๆ ก็ต้องบอกว่าเจอแจ็คพ็อตเข้าให้แล้ว เพราะมันคือความรู้สึกที่เรียกว่าจุดอิ่มตัวที่ต่างคนต่างมีแต่ออร่าเนกาทีฟพุ่งออกมา กลายเป็นว่าอยู่ด้วยความเคยชิน… ไม่ใช่ความรัก

 

ถ้าความสัมพันธ์เป็นแบบนี้อยู่ เราอยากแนะนำว่าจงทำทุกวันให้เหมือนเป็นรักแรกเจอ อาการโลกหยุดหมุน หัวใจเต้นแรงแค่ไหน อบอุ่นคุ้นเคยในวินาทีแรกที่สบตา ถูกชะตา โหยหา ดึงดูดทุกอย่างให้อยากเข้าหาคล้ายแม่เหล็กที่ยึดโยง เพื่อให้ได้ใช้ชีวิตอยู่เคียงข้างกัน ถ้าอาการที่ว่ามาเริ่มตกหล่นหายไป ลองรื้อฟื้นโมเม้นต์แห่งความทรงจำเหล่านั้นกลับมาเพิ่มดีกรีของตัวเองเพื่อเรียกความหวือหวา กระตุ้นให้คนรักกลับมามีชีวิตชีวา มองตาก็อยากจะพุ่งเข้าหาแนบชิดตัวติดตลอดเวลา ทำยังไงให้มองหน้ากันแล้วไม่เบื่อ

 

อยู่ก่อนแต่ง_IndiGlow1

 

1.รอยยิ้มและดวงตาเป็นประกาย

อาการหัวใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะมักเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่คุณตกหลุมรักใครสักคน ใบหน้าที่มีรอยยิ้ม ดวงตาที่สดใสเป็นประกาย เป็นสิ่งแรกที่มัดใจคุณทั้งคู่ไว้ได้ตั้งแต่แรกเห็น ถ้าวันนี้ส่องกระจกแล้วยังคงหน้าบึ้ง โกรธแล้วพาลไม่พูดคุย ไม่มีใครยอมง้อใครก่อน ก็จงมองย้อนกลับไปวันแรกเจอ เคยยิ้มง่ายแค่ไหนก็ทำเลยไม่ต้องรอ   

 

2.หน้าผมจงกลับมา

สัญชาตญาณของผู้ชาย ต่อให้ปากบอกว่าต้องการผู้หญิงที่เข้าใจพร้อมรับฟังแค่ไหน แต่ยังไงก็ชอบมองผู้หญิงสวยๆ อยู่ดี หากที่ผ่านมาคุณปล่อยตัวเองให้กลายเป็นสาวเพิ้ง ผมเผ้าไม่ดูแล ลืมเมคอัพไว้บนโต๊ะกินข้าวเดทแรก ขอให้เรียกคืนทุกอย่างกลับมาโดยเร็ว แล้วแปลงร่างเป็นสาวคนนั้นเหมือนวันที่สบตากันครั้งแรกให้ไว อาจต้องใช้เวลาสักนิด แต่ถ้าทำได้เผลอๆ อาจกระตุ้นต่อมหึงหวงของเขาให้ทำงานอีกครั้งได้เลย เพราะหนุ่มๆ รอบข้างจะเริ่มเหลียวมองคุณแบบไม่วางตานั่นเอง

 

3.ผิวสวยสะกดใจ

ยังจำได้ไหมว่าเคยพิถีพิถันในการดูแลตัวเองแค่ไหน ซึ่งเบื้องหลังความงามนั้นมีแค่คุณเท่านั้นที่รู้ หากกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤติของสาวเจ้าเนื้อ กินไม่เลือก รีบกดปุ่มสต็อปแล้วรีสตาร์ทตัวเองใหม่เดี๋ยวนี้เลย เรียกพลังความมั่นใจให้กลับมาฟิตแอนด์เฟิร์ม สรรหาของดีๆ มีประโยชน์เข้าร่าง และอย่าละเลยการดูแลผิวเด็ดขาด หาเวลาบำรุงผิว เข้าสปาอบไอน้ำบ้างเป็นครั้งคราว ผิวสวยจะได้ทำหน้าที่สะกดใจเขาอีกครั้งเหมือนวันแรกเจอ

 

4.กลิ่นกายที่ตราตรึง

กลิ่นหอมเฉพาะตัวเป็นสิ่งหนึ่งที่มัดใจคนรักได้อยู่หมัด อีกนัยหนึ่งเหมือนเป็นการร่ายเวทมนตร์ให้เขาติดกับดักไม่ไปไหน ยังจำน้ำหอมกลิ่นแรกที่คุณฉีดเมื่อเจอเขาได้ไหม เป็นกลิ่นที่สดชื่น เย้ายวน หรือให้ความรู้สึกลึกลับน่าค้นหา ลองกลับไปฉีดมันอีกครั้งสิแล้วลอบสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ ว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร กระตุ้นเข้าไปทุกวันๆ ถ้ายังจำไม่ได้ก็ให้มันรู้ไป

 

5.ทฤษฎีสีชมพูให้หัวใจกลับมาฟู (อีกครั้ง)

สุดท้ายคือการเซอร์ไพรส์ขั้นแอดวานซ์ ขอเรียกว่าเป็นทฤษฎีสีชมพูเพราะเป็นการจำลองเหตุการณ์รักแรกพบ ทำไม่ยากเลยแค่เอ่ยปากชวนเขาไปเดทในสถานที่ที่ได้เจอกันครั้งแรก แต่งตัว แต่งหน้า ทำผม ฉีดน้ำหอมให้เขาระลึกชาติได้เลยว่าคุณตั้งใจแค่ไหน รับรองว่าความรู้สึกทั้งหมดนั้นจะวิ่งตรงดิ่งเข้าสู่สมองโดยที่ไม่ทันตั้งตัวเลย

 

ท้ายที่สุดเอาเป็นว่า แม้ตอนนี้คุณกำลังใช้ชีวิตอยู่ในโหมดอิสระไร้ข้อผูกมัดใดๆ แบบอยู่ก่อนแต่ง หรือมีกรอบเพิ่มเข้ามาเป็นเงื่อนไขอีกนิดแบบแต่งก่อนอยู่ แต่หากการกระทำและความรู้สึกทุกอย่างเกิดขึ้นเหมือนเป็นรักแรกเจอในทุกวัน จะทำให้คุณไม่เนือย ไม่นอยด์ ไม่หมดไฟกับความสัมพันธ์หลังจากนี้ ตรงกันข้าม เขาจะรู้สึกเหมือนตกหลุมรักคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวัน เพราะรู้สึกได้ถึงความสดใหม่ในการใช้ชีวิตคู่นั่นเอง

 

อยู่ก่อนแต่ง_IndiGlow2

 

แต่หากคุณยังครองสถานะโสดอยู่อย่างเหนียวแน่นในตอนนี้ ก็อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ เพราะคนโสดมีเยอะจนเดินชนกันถมเถไป ดีไม่ดีคุณอาจเป็นรักแรกพบของใครสักคนโดยไม่รู้ตัวก็ได้ หลังจากนั้นจะ อยู่ก่อนแต่ง หรือ แต่งก่อนอยู่ ก็ค่อยว่ากัน!  


Related Posts

Leave a comment