ล้างหน้า ยังไงให้ผิวเรียบเนียน สวยปัง ออร่ากระจาย

ล้างหน้า_IndiGlow

ล้างหน้า คลีนผิวให้สะอาด คือประตูสู่การมีผิวเนียนสวยสุขภาพดี เปล่งประกายอย่างมีออร่า การดูแลประตูด่านนี้แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากเกินไป ใครที่ยังสงสัยว่าทำไมเราต้องให้ความสำคัญกับขั้นตอนการล้างหน้า รวมถึงการเลือกใช้โฟมล้างหน้าที่สามารถทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึกและตรงจุด จะช่วยสร้างผลลัพธ์ให้ผิวหน้าได้อย่างไร หาคำตอบกันได้จากบทความนี้ 

 

ทำไมต้องล้างหน้าทุกวัน?

เคยสงสัยกันบ้างไหมว่าทำไมเราต้องล้างหน้าเป็นประจำทุกวัน ทั้งเช้าและเย็น แล้วถ้าไม่ล้างหน้าจะมีผลกับผิวยังไง ต้องอธิบายกันก่อนว่า โดยปกติผิวหนังของเราจะมีการขับน้ำมันออกมาเคลือบผิว เพื่อป้องกันสิ่งแปลกปลอมแทรกซึมเข้าสู่ผิวหนัง นั่นจึงทำให้ผิวหน้ามีความมันเล็กน้อยอยู่ตลอดเวลา หากทำความสะอาดได้ไม่ดีพออาจสร้างปัญหาผิวได้ บวกกับกิจกรรมที่ต้องทำในแต่ละวันซึ่งต้องเจอทั้งฝุ่นควัน มลพิษต่างๆ เมคอัพกันน้ำและเหงื่อไคล ทำให้เกิดการรวมตัวที่เหนียวข้นเกาะติดอยู่บนผิว อุดตันรูขุมขนจนเกิดปัญหาผิวตามมามากมาย ทั้งสิวอุดตัน หน้าหมองคล้ำ ผิวไม่กระจ่างใส แถมยังต่อยอดให้ผิวอ่อนแอได้ในที่สุด ต่อให้ใช้ครีมบำรุงสรรพคุณแน่น ราคาแพงแค่ไหนก็จัดการปัญหาเหล่านี้ไม่อยู่

 

 

พอจะนึกภาพออกกันบ้างแล้วใช่ไหม ว่าทำไมเราถึงต้องให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดผิวหน้าเป็นพิเศษ เพราะนอกจากกำจัดสิ่งสกปรกที่เกาะติดเป็นปลิงบนผิวหน้าแล้ว ยังทำให้การบำรุงผิวขั้นต่อไปมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตรงเข้าแก้ไขปัญหาผิวต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้การทำความสะอาดผิวหน้าเป็นไปอย่างถูกต้องและสะอาดหมดจด ขอแนะนำวิธีล้างหน้า 3 ขั้นตอน เพื่อเผยผิวเรียบเนียน ขาวกระจ่างใส ไร้สิ่งสกปรกตกค้าง ที่ทำตามได้ไม่ยากดังนี้

 

1.คลีนซิ่ง เคลียร์เมคอัพ

สเต็ปแรกที่ไม่ควรปล่อยผ่านอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสาวๆ ที่ต้องแต่งหน้าเป็นประจำ หรือแม้จะลงเฉพาะครีมกันแดด ไม่ได้ใช้เครื่องสำอางประโคมผิว นั่นคือการใช้คลีนซิ่งล้างคราบต่างๆ ให้หมดไปจากผิวหน้าก่อน เริ่มจากเลือกคลีนซิ่งที่เหมาะกับผิว หรือเหมาะกับการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นคลีนซิ่งน้ำ คลีนซิ่งแบบไมเซล่า หรือสำหรับใครที่กังวลว่าผิวหน้าอันบอบบางจะถูกสำลีเสียดสีก็ให้เลือกเป็นคลีนซิ่งบาล์มนวดผิว ละลายเมคอัพแทน

 

2.โฟมล้างหน้าทำความสะอาดผิว
หลังเคลียร์เมคอัพและครีมกันแดดออกจากผิวเรียบร้อยแล้ว ทริคต่อมาคือการล้างหน้าเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกอื่นๆ ออกอีกครั้ง เพื่อการทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึกตรงจุด สิ่งสำคัญคืออาวุธที่ใช้กำจัดสิ่งสกปรกอย่างโฟมล้างหน้า นอกจากต้องเลือกให้เหมาะกับผิวแล้ว ควรเลือกชนิดที่ตอบโจทย์เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกับผิวหน้า ซึ่งโฟมล้างหน้าก็มีให้เลือกกันหลากหลายสูตร ที่เหมาะกับการใช้งานและเหมาะกับสภาพผิวดังนี้

 

 

2.1 โฟมล้างหน้าแบบธรรมดา เป็นโฟมล้างหน้าที่สามารถใช้ทำความสะอาดผิวหน้าได้ทุกวัน ส่วนใหญ่จะแบ่งสูตรเพื่อตอบโจทย์สภาพผิวที่แตกต่างกัน

 

ผิวมัน> มีแนวโน้มเป็นสิวอุดตันได้ง่าย เพราะต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินพอดี ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นแบบ Oil-free เพื่อควบคุมความมันให้สมดุล

ผิวผสม> ส่วนใหญ่บริเวณ T-zone จะมันกว่าส่วนอื่นๆ สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ได้เกือบทุกประเภท แต่ต้องเลือกสูตรที่มีความอ่อนโยนต่อผิว

ผิวแห้ง> เป็นผิวที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาเคลือบผิวน้อยกว่าปกติ ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นได้ง่าย ควรเลือกผลิตล้างหน้าที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์หรือน้ำมันธรรมชาติ เพื่อรักษาความชุ่มชื้น ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง

ผิวแพ้ง่าย > ต้องให้ความใส่ใจกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เป็นพิเศษ และควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่ไม่มีน้ำหอม สี พาราเบน หรือสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว

 

 

2.2 โฟมล้างหน้าแบบดีท็อกซ์ เป็นนวัตกรรมที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยในการดูดสิ่งสกปรกให้ออกจากผิวหน้าได้ง่ายขึ้น ทำความสะอาดได้ล้ำลึกยิ่งกว่าโฟมธรรมดาทั่วไป มักจะมีส่วนผสมของชาร์โคล โคลนธรรมชาติ หรือคาร์บอนเป็นส่วนประกอบ บางสูตรจะมีส่วนผสมของ AHA กรดอ่อนๆ ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว ปรับให้ผิวกระจ่างใสขึ้น แต่มีข้อจำกัดเล็กน้อยสำหรับคนผิวแห้งที่ไม่ควรใช้บ่อย เพราะจะทำให้ผิวแห้งง่ายขึ้น จึงควรใช้สัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง ควบคู่กับโฟมล้างหน้าแบบธรรมดา เพื่อให้ผิวได้กำจัดสิ่งสกปรกอย่างหมดจด พร้อมเผยผิวสวยได้ต่อไป

 

ล้างหน้า_โฟมล้างหน้า

 

2.3 โฟมล้างหน้าแบบคีเลชั่น (Chelation) เชื่อว่าหลายคนคงไม่เคยได้ยินชื่อโฟมล้างหน้าประเภทนี้ อาจจะแปลกใจหรือสะดุดตากับคำว่า “คีเลชั่น” มันคืออะไรกันแน่? ในทางการแพทย์การทำคีเลชั่นถือเป็นการล้างสารพิษที่ตกค้างในร่างกายโดยเฉพาะในเลือด เช่น โลหะหนักพวกตะกั่ว ปรอท หรือสารหนู ที่ร่างกายได้รับเข้าไปแบบไม่รู้ตัวผ่านทางอาหาร การหายใจ หรือเครื่องสำอาง ซึ่งการทำคีเลชั่นจะใช้การเติมกรดอะมิโนผสมวิตามินและแร่ธาตุ เข้าไปหนีบจับโลหะหนักที่เป็นพิษทั้งหลายให้ออกมาจากร่างกาย

 

และด้วยต้นแบบที่ได้ผลดีต่อสุขภาพ จึงถูกนำมาต่อยอดสู่นวัตกรรมการทำความสะอาดผิวหน้า ขอแนะนำ IndiGlow® Porify face wash โฟมล้างหน้าที่มีต้นแบบเดียวกันกับการทำคีเลชั่น ที่ผสานสารกัดจากธรรมชาติเมล็ดบัควีทจากเกาหลีและน้ำมันเมล็ดเมล่อนทะเลทราย ที่ช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึกถึงรูขุมขน ขจัดได้ทั้งฝุ่นละเอียดขนาดเล็ก PM 2.5 และดักจับโลหะหนักโดยไม่ทำร้ายผิว พร้อมบำรุงผิวหน้าด้วยวิตามินอีเข้มข้น จึงไม่ทำให้ผิวหน้าแห้งตึงหลังล้างหน้า และมอบประสบการณ์ความสะอาดไม่เหมือนใคร ด้วยหัวแปรงซิลิโคนเกรดอุปกรณ์การแพทย์ Anti Bacteria ช่วยทำความสะอาดและปรนนิบัติผิวได้อย่างล้ำลึกกว่าการใช้มือทำความสะอาดถึง 5 เท่า ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว พร้อมสปาผิวให้คลายความอ่อนล้า ให้ผิวเรียบเนียน คืนความกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ

 

3.โทนเนอร์ เช็ดปรับผิว

ขั้นตอนสุดท้ายของวิธีล้างหน้าคือใช้โทนเนอร์เช็ด เพื่อเช็กความสะอาดอีกครั้งว่าไม่มีสิ่งสกปรกตกค้างบนผิว พร้อมปรับสมดุล pH ของผิวให้อยู่ในค่าที่พอดี พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป โดยการลงโทนเนอร์มีอยู่ 2 วิธีหลักๆ คือ ชุบลงสำลีแล้วเช็ด หรือเทลงฝ่ามือแล้วค่อยๆ กดให้สารสกัดบำรุงผิวซึมลงผิว เป็นการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวในขั้นตอนสุดท้ายของการล้างหน้า เปิดทางให้ผิวพร้อมรับการบำรุงด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ หรือครีมบำรุงผิวต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น

 

หลังจากผิวหน้าสะอาดและชุ่มชื้นในระดับสมดุลแล้ว อย่าปล่อยให้ผิวขาดการบำรุง ดูแลผิวด้วย IndiGlow® Seductive White Rejuvenating Moisturizer ครีมบำรุงผิวเดย์ครีม ที่เป็นทั้งมอยเจอร์ไรเซอร์ดูแลผิว เติมน้ำและกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว พร้อมปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ด้วยค่า SPF 30 PA++++ ปรับสีผิวให้ขาวกระจ่างใส เรียบเนียน ทั้งบำรุง ปกป้องและกันแดดได้ในหลอดเดียว

 

แค่ใส่ใจขั้นตอนและรายละเอียดเรื่องการล้างหน้าให้ถูกวิธี และให้ความสำคัญกับการเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าให้เหมาะกับสภาพผิว ก็ช่วยสร้างผิวสุขภาพดี เนียนสวย ออร่า สะกดทุกสายตาได้ไม่ยาก หลายคนอาจจะเหนื่อยที่ต้องคอยเลือกผลิตภัณฑ์ให้ดีกับผิว ล้างหน้าให้สะอาดและถูกวิธีอยู่ทุกวัน

 

แต่เชื่อเถอะผลลัพธ์ของผิวที่คุณจะได้กลับมา มันเกินคุ้มกับการที่ฝึกให้ตัวเองมีวินัยในการดูแลผิวอย่างแน่นอน


Related Posts

Leave a comment